5 วิธีระดมทุนอย่างง่ายและรวดเร็ว

5 วิธีระดมทุนอย่างง่ายและรวดเร็ว

 

 

 

1.  ขอสินเชื่อระยะสั้น

 

สินเชื่อระยะสั้นมีให้เลือกมากมายจากหลายธนาคารตามการผลักดันของรัฐบาล  สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การขอกู้เงินหรือสินเชื่อจำนวนไม่มากดูจะเป็นวิธีระดมทุนที่เหมาะสมมากที่ สุด การกู้เงินจำนวนน้อยๆ ที่เรียกว่า Microloan หรือ Microfinance เป็นสิ่งเกิดใหม่ในประเทศตามนโยบายรัฐบาล ธนาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐหลายแห่งได้นำร่องและให้บริการรูปแบบ นี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว เช่น ธนาคารกรุงไทยใช้ชื่อเรียกว่าสินเชื่อสำหรับธุรกิจเงินกู้ระยะสั้น ธนาคารออมสินมีชื่อเรียกว่าสินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME และเริ่มขยายไปตามธนาคารเอกชนตามการผลักดันของรัฐ เช่น สินเชื่อตั๋วสัญญาใช้เงินของธนาคารกสิกรไทย แม้ชื่อเรียกในแต่ละธนาคารจะแตกต่างกันไป แต่โดยรวมทุกธนาคารจะใช้หลักการเดียวกัน ซึ่งวงเงินที่ขอกู้ไม่ควรเกิน 200,000 บาท ที่สำคัญบริษัทต้องมีเครดิตการเงินที่ดีพอสมควรถึงจะได้รับเงินกู้ประเภทนี้

 

นอกจากนี้อาจหยิบยืมจากคนที่รู้จัก ผู้เคยมีอุปการคุณกับทางบริษัทก็ได้ เพราะจำนวนเงินที่ต้องการไม่มากนัก หรือจะหาจากแหล่งเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยที่ไม่แพงจนเกินไปนักและถูก กฎหมาย โดยอัตราดอกเบี้ยที่พอรับได้สำหรับเงินกู้นอกระบบควรอยู่ที่ร้อยละ 7 เท่านั้น ไม่ควรสูงมากไปกว่านี้ 

 

2. ใช้ทรัพย์สินค้ำประกัน

 

 เราสามารถนำทรัพย์สินบริษัทมาใช้ค้ำประกันเงินกู้ได้ เช่น ที่ดิน อาคารสถานที่ รถยนต์ เครื่องจักร เอกสารตราสารทาง

การเงินต่างๆ ใบหุ้น เป็นต้น ซึ่งสามารถนำไปแสดงได้ที่สถาบันทางการเงินหรือไฟแนนซ์ที่ปล่อยสินเชื่อจาก การนำทรัพย์สินมาค้ำซึ่งโฆษณาทางโทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อประเภทอื่นๆ ซึ่งมีความปลอดภัยในระดับสูง โดยจำนวนวงเงินที่ได้รับการอนุมัติจะไม่เกินมูลค่าของหลักทรัพย์ซึ่งใน ปัจจุบันอยู่ที่ไม่เกิน 85 เปอร์เซ็นต์ของราคาทรัพย์สิน หรืออาจน้อยกว่านั้นก็ได้ในสภาวะทาง

การเงินในปัจจุบัน

 

  ยังมีวิธีอื่นที่ใช้ทรัพย์สินไปค้ำประกันและยังเป็นวิธีการง่ายๆ ซึ่งคนไทยคุ้นเคยอย่างดี นั่นคือการเข้าสถานธนานุบาลหรือโรงรับจำนำ โดยทรัพย์สินที่นิยมมากที่สุดคือทองคำ เพราะสามารถตีราคาได้ง่าย เนื่องจากราคาทองคำมีการประกาศอยู่ตลอดและเป็นทรัพย์สินที่เป็นสากล

 

3. เปิดหาข้อมูลจากเว็บไซต์

 

 สำหรับจำนวนเงินที่ไม่มากนัก การหาข้อมูลเกี่ยวกับการหาทางระดมทุนทางเว็บไซต์ผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นวิธี การที่ดีอีกวิธีหนึ่ง อาจเป็นสังคมออนไลน์ที่เกี่ยวกับการหาเงินทุนซึ่งปัจจุบันมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งเปรียบเสมือนการจับคู่ติดต่อสื่อสารกันระหว่างผู้ให้กู้และผู้กู้ โดยในปัจจุบันถือเป็นแนวความคิดใหม่ในเมืองไทย แต่ในต่างประเทศมีมาสักระยะหนึ่งแล้ว ประมาณ 3-4 ปี ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ ในรายเล็กๆ ในต่างประเทศ ตัวอย่างเว็บไซต์ของ

ต่างประเทศเช่น www.prosper.com www.lendingclub.com และ www.loanio.com

 

4. ขอสินเชื่อจากธนาคารใหญ่

 

การขอสินเชื่อจากธนาคารใหญ่ๆ เป็นวิธีระดมทุนมาตรฐานมากที่สุด แต่ที่สำคัญที่สุดอันดับแรกคือ  เราต้องมีพื้นฐานการเงินหรือเครดิตที่ดีเสีย ก่อน สามารถแสดงผลกำไรให้ทางธนาคารเห็นได้ ทำการศึกษาค้นคว้าหาธนาคารที่มีนโยบายซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการราย ย่อยที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนไม่มากนัก มีความยืดหยุ่นสูงทั้งในอัตราดอกเบี้ยและในส่วนของจำนวนเงินที่จะนำมาผ่อน ชำระหนี้ ควรเตรียมการเรื่องการนำเสนอข้อมูลด้านการเงินของบริษัท การเดินบัญชี กระแสเงินสด รวมถึงการเขียนแผนเงินกู้ที่ดี เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยเหลือเราได้มาก 

 

5. พูดคุยเจรจากับคู่ค้า

 

การพูดคุยกับลูกค้าเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการมองข้ามอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มองว่าการขอรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นเป็นสิ่งน่า อับอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการธุรกิจ แต่ในความเป็นจริงแล้วการขอความช่วยเหลือจากบริษัทคู่เจรจาธุรกิจสามารถทำ ได้ง่ายที่สุด ทั้งในเรื่องการขอเงินทุนหรือการขอยืดเวลาในการชำระเงินออกไปก่อนจนกว่า

กระแสการหมุนเวียนเงินในธุรกิจของเราจะเข้าที่

 

สำหรับบริษัทที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี เขาอาจมีส่วนเข้ามาช่วยส่งเสริมโครงสร้างทางการเงินของบริษัทเราก็เป็นได้ หรืออาจลดราคาค่าวัสดุหรือวัตถุดิบต่างๆ ให้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งบางครั้งเราอาจจำเป็นต้องแสดงข้อมูลผลประกอบการทางธุรกิจให้บริษัท พันธมิตรทางธุรกิจดูด้วย โดยเราควรพิจารณาดูให้ดีเพราะข้อมูลบางอย่างเป็นความลับทางธุรกิจที่ไม่ สามารถเปิดเผยได้ อีกอย่างหนึ่งคือเป็นการวัดใจบริษัทพันธมิตรทางธุรกิจไปในตัวด้วยเช่นกันว่า มีความจริงใจกับบริษัทเรามากแค่ไหน

 

บางครั้งพันธมิตรทางธุรกิจอาจเป็นทางออกดีที่สุดสำหรับบริษัทเราก็ได้ หลังจากได้อ่านบทความข้างต้นนี้แล้ว ผู้ประกอบการคงมีทางเลือกในการระดมทุนให้เลือกมากขึ้น แต่ก็อยู่ที่ว่าเราจะเลือกแบบไหนที่สามารถปรับใช้และเข้ากันได้กับธุรกิจได้ มากที่สุดเพื่อความเจริญเติบโตและก้าวหน้าในอนาคต

 

Credit : www.workboxs.com
By : www.SoGoodWeb.com

 

โดย :
 10714
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

13 Mobile Stats Your Competitors Already Know คือชื่อแผนภาพ Infographic ชิ้นล่าสุดของเว็บไซต์ Vizibility.com ซึ่งเรียกความสนใจจากผู้พบเห็นได้มหาศาลเพราะทุกคนอยากตามไปดูว่ามีข้อมูลสถิติในโลกโมบายล์ใดบ้างที่คู่แข่งรู้แต่เรายังไม่รู้
เมื่อเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงในการศึกษาเช่นกัน โดยจะเห็นได้ว่าปีที่ผ่าน ๆ มา สถาบันการศึกษาทั่วโลกต่างพากันลงทุนจำนวนมากกับเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างช่องทางให้ผู้เรียนเข้าถึงหลักสูตรต่าง ๆ มากขึ้น ดังนั้น แน่นอนว่าแนวโน้มการศึกษาในปี 2017 จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี "ประชาชาติธุรกิจ" จึงรวบรวมแนวโน้มการศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ไว้ดังนี้ เยสคอร์ส (YesCourse) ผู้สร้างแพลตฟอร์มการกระจายการศึกษาออนไลน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ให้สถาบันการศึกษาทั่วโลกได้ขายหลักสูตรการศึกษาออนไลน์ของตน โดยปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 3,500 สถาบันการศึกษาระบุว่า ในปีที่ผ่านมาการศึกษาออนไลน์ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการศึกษาอย่างมาก และเป็นตัวเสริมให้การศึกษาแบบดั้งเดิมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนจากทุกที่ แต่ในปี 2017 ระบบการเรียนออนไลน์แบบเสมือนจริง Virtual Reality (VR) จะกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น ซึ่งเราอาจได้เห็นและได้ยิน VR ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ มาแล้ว เช่น การบิน การทหาร และเกม แต่ในอนาคต VR จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา เพราะเป็นเครื่องมือที่จะสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ซึ่งทำให้ผู้ใช้เกิดการรับรู้และตื่นตัวในการเรียนรู้มากขึ้น แนวโน้มต่อมา คือ Cloud Migration หรือการเคลื่อนย้ายฐานข้อมูลต่าง ๆ สู่คลาวด์ ซึ่งสถาบันการศึกษานำข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงระบบไอทีของตนเองสู่ระบบคลาวด์มากขึ้นทุกวัน เพราะเป็นหน่วยจัดเก็บข้อมูลที่ลดความยุ่งยากในการติดตั้ง การดูแลระบบ ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายเอง ซึ่งผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบข้อมูลต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต จัดการบริหารทรัพยากรของระบบ และสามารถแบ่งทรัพยากรร่วมกันได้ง่าย อีกหนึ่งแนวโน้มที่ YesCourse พูดไว้ คือ การวิเคราะห์เชิงทำนาย (Predictive Analytics) และการเรียนเชิงทำนาย (Predictive Learning) ซึ่งในทุก ๆ ครั้งที่ผู้เรียนมีการโต้ตอบกับโปรแกรมการศึกษาออนไลน์ พวกเขาทิ้งรอยดิจิทัลไว้ (Digital Footprint) สิ่งนี้ทำให้สถานศึกษา และครูผู้สอนสามารถใช้ทำนายเพื่อเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้เรียน และสามารถปรับเปลี่ยนหลักสูตรได้ตรงตามความต้องการของผู้เรียนและเหมาะสม นอกจากนั้นยังเป็นข้อดีต่อการเตรียมความพร้อมของสถาบันการศึกษาในการพัฒนาบุคลากร เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง และแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันท่วงที ส่วนเว็บไซต์ Pathway to Financial Success บอกว่า แนวโน้มการศึกษาจะเข้าสู่ยุค The Internet of Things (IoT) เพราะอินเทอร์เน็ตเกี่ยวข้องกับทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์โฟน โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ แท็บเลต สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาเรียนรู้มากขึ้นทุกวัน โดยบริษัทการ์ตเนอร์ (Gartner Inc.) ทำนายว่า ในปี 2020 จะมีอุปกรณ์สิ่งของต่าง ๆ เชื่อมต่อกันไม่ต่ำกว่า 20.8 ล้านล้านชิ้นทั่วโลก ดังนั้น รัฐบาลแห่งประเทศอังกฤษจึงทุ่มงบฯลงทุนด้านการวิจัยและศึกษาด้าน IoT ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา สิ่งที่ผู้เรียนได้รับประโยชน์จาก IoT ได้แก่ ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน (Collaborative Learning), รู้จักการแก้ไขปัญหาโดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem-based Learning), กระตุ้นการเรียนรู้ด้วยตนเองและยั่งยืน (Self-directed Learning), ส่งเสริมเรียนรู้ผ่านพหุประสาทสัมผัส (Multisensory Learning), สร้างความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ (Gender Equality) และสร้างห้องเรียนอัจฉริยะ (Creating Smart Classroom) นอกจากนั้น Real-World Case Studies หรือกรณีศึกษาจากโลกแห่งความจริงจะเข้มข้นมากขึ้นในทุกวิชา เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวผู้เรียน และเห็นภาพได้ชัดเจนกว่าข้อมูลในตำรา กรณีศึกษาในโลกแห่งความจริงยังเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนต้องการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียน ในขณะที่ "บิล เกตส์" นักธุรกิจชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ และเป็นผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลวิเคราะห์ไว้ว่า ค่าใช้จ่ายการศึกษาจะน้อยลงและทุนการวิจัยจะมากขึ้น "เป็นที่รู้กันว่างานวิจัยเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนา และการต่อยอดการศึกษา แต่ที่ผ่านมานักวิจัยหลายคนต่างต้องวิ่งเต้นหาทุนวิจัย และหาการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา โดยผู้เรียนสามารถเรียนได้ฟรีจากระบบการศึกษาที่เรียกว่า MOOCs (Massive Online Open Courses) จึงส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเรียนน้อยลง ผู้เรียนสามารถมีทุนวิจัยของตนเอง" "ขณะเดียวกันสถาบันการศึกษาก็ไม่จำเป็นต้องจ้างผู้สอนจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน ไม่ต้องสร้างห้องเรียนหรืออาคารเรียน เพราะสามารถใช้เทคโนโลยีมาเป็
ในปัจจุบันการทำตลาดออนไลน์ไม่สามารถเจาะจง หรือทำแค่ที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น เพราะผู้คนในปัจจุบันสามารถเข้าถึงการใช้อินเทอร์เน็ตได้มากกว่าการหาข้อมูล ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาจนเกิดเป็นการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ได้เปิดให้บริการ และพัฒนามาถึงการทำการตลาดบนสื่อออนไลน์ ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับบุคคลทั่วไป

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์