PageSpeed Insights มีประโยชน์หลายประการในการพัฒนาเว็บไซต์ โดยช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์และนักพัฒนาเข้าใจและปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้และการจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา (SEO) ประโยชน์หลักๆ มีดังนี้:
PageSpeed Insights ช่วยให้ทราบจุดที่ทำให้เว็บไซต์ช้าลง เช่น ขนาดรูปภาพที่ใหญ่เกินไป หรือการใช้โค้ด JavaScript ที่ไม่จำเป็น ซึ่งช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาและเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ได้
เว็บไซต์ที่โหลดเร็วและมีการจัดเลย์เอาต์ที่คงที่ช่วยให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ใช้ใช้เวลาในเว็บไซต์นานขึ้น ลดอัตราการออกจากหน้า (bounce rate) และเพิ่มโอกาสในการทำให้ผู้ใช้กลับมาเยี่ยมชมอีกครั้ง
ความเร็วของเว็บไซต์และประสบการณ์ผู้ใช้เป็นปัจจัยที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ การปรับปรุงคะแนนจาก PageSpeed Insights จึงมีผลต่อการเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในการค้นหาและช่วยให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น
Core Web Vitals เป็นเมตริกที่ Google ให้ความสำคัญในแง่ของประสบการณ์ผู้ใช้ เช่น LCP (Largest Contentful Paint), FID (First Input Delay), และ CLS (Cumulative Layout Shift) การปรับปรุงตามคำแนะนำของ PageSpeed Insights จะช่วยให้ค่าเหล่านี้ดีขึ้น และทำให้เว็บไซต์ได้รับการพิจารณาว่าเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น
ด้วยการลดปริมาณทราฟฟิกที่ไม่จำเป็น เช่น การบีบอัดรูปภาพและโค้ดที่ใช้ การเพิ่มประสิทธิภาพจาก PageSpeed Insights สามารถลดภาระของเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการโฮสต์ และรองรับการเข้าชมของผู้ใช้ได้มากขึ้น
การใช้ PageSpeed Insights เป็นแนวทางในการปรับปรุงเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เว็บไซต์มีความน่าสนใจ มีประสิทธิภาพสูง และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างดี