FACEBOOK PAGE ปะทะ WEBSITE อะไรเป็นอะไร เดี๋ยวรู้กัน !!!

FACEBOOK PAGE ปะทะ WEBSITE อะไรเป็นอะไร เดี๋ยวรู้กัน !!!

FACEBOOK PAGE คือ

        การสร้างตัวตนบนโลกของ Facebook ซึ่งเป็น Social Media ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นบุคคล บริษัท หรือ องค์กรใดๆ ก็สามารถสร้าง Facebook Page ได้บน Facebook ทั้งนั้น

        แต่มีข้อแม้อยู่อย่างเดียวก็คือ Facebook Page จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับของ Facebook การเผยแพร่ข่าวสารบน Facebook Page จึงเผยแพร่สู่ผู้ใช้งาน Facebook เป็นหลัก

WEBSITE คืออะไร มาดูกัน!!!

        Website ก็คือ รูปแบบดั้งเดิม ในการสร้างตัวตนของ บุคคล บริษัท หรือ องค์กร ในอินเตอร์เน็ต ก่อนที่จะมี Social Media อย่าง Facebook อีกเสียด้วยซ้ำครับ เว็บไซต์แต่ละเว็บไซต์นั้นมีชื่อเฉพาะตัวของตัวเอง หรือ ก็คือ Domain Name นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น Sanook.com , Kapook.com ก็เป็นชื่อเว็บไซต์ โดยการเผยแพร่ Content สามารถเผยแพร่ให้กับ บุคคลทั่วไปบนโลกใบนี้ ที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเลย

ทีนี้ เรามาดูกันว่า ระหว่าง Facebook Page กับ Website ว่าอะไร เป็นอะไร

ประเด็นที่ 1 ระยะเวลาในการสร้าง 

    Facebook Page : ไม่กี่คลิกก็สร้างได้แล้ว โดยทำตามหน้าจอที่ Facebook แนะนำ ก็สามารถสร้างได้แล้ว

    Website : ต้องเริ่มด้วยการตั้งชื่อ จดโดเมน และการใส่ข้อมูลลงไปในเว็บไซต์ ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่า

คะแนน : ข้อนี้ต้องยกให้ Facebook Page ได้คะแนนไปก่อน

ประเด็นที่ 2 การทำโฆษณา 

    Facebook Page : ก็มี Facebook Ads ในการทำโฆษณา ซึ่งเป็นการโฆษณาที่ง่ายดายมาก เพียงแค่ Boost Post หรือ Promote Page ก็สามารถโฆษณาได้แล้ว นอกจากนั้น Facebook Ads ยัง Target กลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

    Website : ต้องทำโฆษณาผ่าน Search Engine อย่างเช่น ของ Google ก็จะมี Google Adwords ให้เราได้ใช้กัน ซึ่งการใช้ Google Adwords เราจะต้องทำการ Research Keyword ซึ่งใช้เป็นคำในการโฆษณา เพื่อเชื่อมโยงกับการโฆษณาของเรา

คะแนน : ทั้งความง่าย และ ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ต้องยกให้ Facebook เขาละงานนี้

ประเด็นที่ 3 การเผยแพร่ CONTENT 

    Facebook Page : เผยแพร่ Content ให้ ผู้ติดตามของเรา ได้อย่างรวดเร็ว แทบจะเห็นได้ทันที จาก Feed ของผู้ติดตาม

    Website : ต้องอาศัย SEO เพื่อทำการเผยแพร่ Content โดยมี Search Engine อย่าง Google เป็นตัวกลาง ซึ่งใช้ระยะเวลาระยะหนึ่ง ซึ่งคิดว่าจะต้องใช้ ตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 6 เดือนเลยทีเดียว

คะแนน : Facebook Page เผยแพร่ Content ได้เร็วกว่ามากๆ ดังนั้นคะแนนจึงเป็นของฝั่ง Facebook Page

ประเด็นที่ 4 ด้านการจัดการเนื้อหา 

    Facebook Page : เนื้อหาที่ใหม่ที่สุด จะอยู่ข้างบน เนื้อหาเก่าๆ จะลงไปอยู่ด้านล่าง ถ้าอยากจะดูเนื้อหา เก่าๆ ต้องไถลงไปดูที่ ด้านล่างกันเลยทีเดียว

    Website : สามารถจัดหมวดหมู่ ได้ตามที่เราต้องการเลย อยากจัดแบบไหน อย่างไรจัดได้ทั้งหมดทุกประการเลย

คะแนน : ในข้อนี้ ก็ต้องยอมรับว่า Website นั้นทำได้กว่ามากเลย

ประเด็นที่ 5 การโต้ตอบกับผู้ใช้ 

    Facebook Page : สามารถโต้ตอบกับ กับผู้ใช้งานได้ ได้ผ่านทาง Comments และ Message ที่เหมือนกับการคุยกันแบบตัวต่อตัวเลยทีเดียวครับ

    Website : เราจะโต้ตอบผ่านแบบฟอร์ม และ Email กันเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ต้องติดต่อผ่าน ช่องทาง Social Network อื่นๆ

คะแนน : ในข้อนี้ Facebook Page ทำได้ดีกว่า และสะดวกสบายกว่ามาก

ประเด็นที่ 6 ภาพลักษณ์ขององค์กร 

    Facebook Page : จุดประสงค์ของ Facebook ก็คือ การสร้าง Engagement กับผู้ใช้งาน ดังนั้น Facebook Page จึงเหมือนกับ Community Online เสียมากกว่า

    Website : เนื่องจากเว็บไซต์ จะแตกต่างกันด้วยการ ออกแบบ ดังนั้น เว็บไซต์ จึงมีเอกลักษณ์ และสื่อสาร ความเป็นองค์กรได้มากกว่า

คะแนน : สำหรับภาพลักษณ์องค์กร เว็บไซต์นั้น สื่อสารได้ดีกว่า

ประเด็นที่ 7 การควบคุม 

    Facebook Page : เมื่อ Facebook Page อยู่ภายใต้ Facebook ดังนั้น Facebook Page จึงอยู่ภายใต้กฎของ Facebook เช่นกัน เมื่อ Facebook เปลี่ยนแปลง อย่างเช่น หั่น Reach ขึ้นมา เราก็ต้องทำใจยอม และปรับปรุง Page ของเราตาม

    Website : ในเมื่อเว็บไซต์ เราสามารถตกแต่ง เพิ่มเติม หรือทำอะไรก็ได้ เราจึงเป็นอิสระ ไม่ต้องมีใครมาควบคุม

คะแนน : ดังนั้นในข้อนี้ Website จะมีความได้เปรียบในการควบคุมมากกว่า

ประเด็นที่ 8 การเพิ่มเติมความสามารถ 

    Facebook Page : หลายท่านอาจจะยังไม่รู้ว่า Facebook Page สามารถเพิ่มเติมความสามารถ ได้โดย การติดตั้ง Facebook Page Application ลงไป เช่นเราอยากจะดึง Feed จาก Youtube มาลงบน Page เราก็สามารถทำได้ผ่าน Facebook Page Application

    Website : เราสามารถติดตั้งโปรแกรม หรือ เขียนโปรแกรมเสริมสำหรับเว็บไซต์เองก็ได้ และทำได้อย่างที่เราจินตนาการไว้เลย

คะแนน : สำหรับในข้อนี้ เว็บไซต์นั้น มีความยืดหยุ่นมากกว่า ในการเพิ่มเติมความสามารถ

!!! สรุป 4 ต่อ 4 เสมอกัน !!!

        เดี๋ยวนี้ถ้าจะค้าขาย และทำการตลาดออนไลน์ ต้องใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กัน Facebook Page ก็สามารถดึงคนไปเข้าเว็บไซต์ ที่มีการจัดระเบียบเนื้อหาเป็นอย่างดีได้ และเว็บไซต์เองถ้าทำ SEO ได้แล้วก็สามารถดึงคนมาพูดคุยกันที่ Facebook Page ได้เหมือนกัน และเว็บไซต์ ยังมีส่วนให้ ช่วยให้ Facebook Page ของเราน่าเชื่อถือมากขึ้นกว่า Page ที่ไม่มีเว็บไซต์รองรับด้วย

        ถ้าถามว่า เราจะเริ่มต้นอย่างไร สำหรับสองอย่างนี้ สำหรับการเริ่มต้น ให้เริ่มสร้าง Facebook Page ขึ้นมาก่อน เพราะมันสร้างได้รวดเร็วกว่ามากๆ หลังจากนั้นก็ค่อยๆสร้างเว็บไซต์ตามมา และอาศัยการมีผู้ติดตามจาก Facebook Page โพสลิงก์ให้เข้าไปอ่านเนื้อหาในเว็บไซต์ได้ครับ นอกจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไป และ Search Engine อย่าง Google ได้เก็บข้อมูล และ จัดอันดับเว็บไซต์ เราจากการทำ SEO แล้ว คนก็จะหาเว็บไซต์ของเราเจอได้ง่ายขึ้น และมีการเข้าไปใช้ Facebook Page ของเราเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัวอีกด้วย

        ถ้าวันนี้ เรายังไม่ได้สร้างสักอย่าง รับรองเลยว่า คู่แข่งของเรา ทำแน่ๆ ดังนั้น ถ้าอยากสู้กับคู่แข่งได้อย่างสูสี และอยู่เหนือคู่แข่ง เราก็ต้องสร้างเอาไว้ทั้งสองอย่าง เพื่อความสำเร็จในธุรกิจของเราเอง

ขอบคุณที่มา : พลากร สอนสร้างเว็บ

โดย :
 1336
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

แนวโน้มการออกแบบนั้นจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเสมอไม่ว่าจะเป็น การใช้สี การใช้กราฟิกในงานออกแบบ การใช้ฟ้อนต์ต่างๆ รวมไปถึงการใช้ภาพ ในงานออกแบบด้วย วันนี้ทีมงาน SoGood จะพาไปเรียนรู้เทรนด์ การใช้ภาพแห่งปี 2015 ที่ นักออกแบบ ทุกคนควรจะต้องเรียนรู้เพื่อปรับใช้ในงานออกแบบให้ดีขึ้นกว่าเดิม
สำหรับโฆษณาทั้งหมด ขนาดที่ดีที่สุดของรูปภาพที่จะอัพโหลดคือ 1200x627 พิกเซล และเราแนะนำให้มีความกว้างต่ำสุด 600 พิกเซลสำหรับรูปภาพที่ปรากฏในฟีดข่าว อาจมีขนาดรูปภาพที่แนะนำอยู่ใน คำแนะนำผลิตภัณฑ์โฆษณาขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังสร้างโฆษณาประเภทใด หากรูปภาพของคุณใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าขนาดที่ระบุไว้ เราจะปรับขนาดรูปภาพของคุณโดยอัตโนมัติ ภาพเคลื่อนไหวหรือแฟลชไม่ได้รับการสนับสนุน ใช้ภาพที่ต่างกันสูงสุด 6 ภาพเพื่อสร้างโฆษณาเพิ่มเติมในแคมเปญของคุณโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์