ปวดตามแนวกระดูกสันหลัง
หากมีอาการปวดกลางหลัง โดยอาจไล่ตั้งแต่บนลงล่าง แต่เป็นบริเวณกลางหลังพอดิบพอดี สันนิษฐานได้ว่าเกิดอาการผิดปกติขึ้นกับกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูก หรือเอ็นยึดระหว่างกระดูกสันหลัง เกิดจากการก้มๆ เงยๆ ยกของหนัก หรือมีอาชีพที่ต้องถือของหนักๆ อยู่นานๆ เช่น ช่างภาพ คนงานก่อสร้าง ผู้ใช้แรงงานที่ต้องถือของ-ส่งของหนักๆ ไปตามที่ต่างๆ เป็นต้น หรืออาจเป็นพนักงานที่ต้องนั่งทำงานอยู่ในท่านั่งเดิมเป็นเวลานาน แล้วไม่ค่อยได้เปลี่ยนอิริยาบถ
ปวดหลังช่วงบน ใกล้ไหล่ ลำคอ ท้ายทอย
ปกติแล้วหากใครมีอาการปวดในบริเวณนี้ มักเกิดจากการนั่งทำงานในท่าที่ไม่เหมาะสม หรือในสถานที่ๆ ไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะทำงาน และเก้าอี้ทำงานไม่สัมพันธ์กับสรีระร่างกาย จึงทำให้การจัดระเบียบร่างกาย ท่านั่งในการทำงานผิดปกติ เช่น อยู่ในท่ายกไหล่อยู่ตลอดเวลา จึงส่งผลทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยบริเวณตั้งแต่หัวไหล่ กล้ามเนื้อช่วงหลังตอนบน ไปจนถึงไหล่ใกล้ต้นคอได้
กล้ามเนื้อหลังช่วงกลาง ด้านซ้าย-ขวา
ส่วนนี้เป็นกล้ามเนื้อหลัง ที่อยู่ถัดไปทางด้านซ้าย หรือขวาจากช่วงกระดูกสันหลัง อาจมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุจากการออกกำลังกาย เล่นกีฬา การขยับร่างกายผิดท่าในจังหวะอันรวดเร็วจนเกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ หากมีสาเหตุจากปัจจัยเหล่านี้ อาการปวดจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อพักการใช้งานกล้ามเนื้อส่วนนั้นสักระยะ
ปวดหลังช่วงล่าง
หลังช่วงล่างเป็นบริเวณหลังที่อยู่ตั้งแต่ช่วงระดับสะดือลงไป อาจจะยาวไปจนถึงสะโพก หรือต้นขา มีทั้งการปวดๆ หายๆ เป็นพักๆ หรือปวดอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุอาการปวดหลายประการ ตั้งแต่อายุที่สูงขึ้น (30 ปีขึ้นไป) น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ขาดการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง นั่งๆ นอนๆ ทั้งวัน ทำงานชีพที่ต้องยกของหนัก หรือเล่นกีฬาที่ใช้หลังมาก เช่น มวยปล้ำ โรคกระดูกพรุน รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องรับน้ำหนักของบุตรรในครรภ์หลายเดือน
ปวดหลังบริเวณเอว
บริเวณที่ปวดจะอยู่บริเวณเอว ที่ค่อนไปทางด้านหลังเล็กน้อย มีสาเหตุคล้ายกับอาการปวดหลังบริเวณอื่นๆ ตั้งแต่การใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหนักจากการยกของหนักเป็นเวลานาน การออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมากๆ เช่น กอล์ฟ อุบติเหตุเล็กๆ น้อยๆ การตั้งครรภ์ รวมไปถึงสภาพจิตใจซึมเศร้าที่ส่งผลถึงต่อความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่ขาดการยืดหยุ่น
อาการปวดหลัง แบบไหน อันตราย?
อาการปวดหลังที่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ โดยอาจเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมากเกินไป หรือเกิดอุบติเหตุเล็กๆ น้อยๆ อาจจะหายได้เองหากงดการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นสักพัก หรือมียาทาภายนอกที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ แต่หากมีอาการปวดหลังที่พ่วงด้วยอาการอื่นๆ ดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเช็คอย่างละเอียด
มีอาการปวดที่เดิมๆ อย่างต่อเนื่องมากกว่า 6 สัปดาห์
ปวดมากจนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ อาการไม่ทุเลาลง
ปวดแบบเจ็บแปลบจิ๊ดๆ เหมือนเข็มจิ้ม
ปวดร้าวยาวลงไปจนถึงต้นขา จนอาจมีอาการขาอ่อนแรง ปวดปลีน่อง จนทำให้เดินลำบาก หรือเดินได้นิดหน่อยก็ปวด
ปวดบริเวณก้นกบ ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ
มีอาการปวดปัสสาวะแสบขัด มีสีขุ่น หรือมีไข้ ร่วมกับอาการปวดหลังบริเวณเอว (อาจเป็นอาการเริ่มต้นของอาการนิ่วในไต หรือไตอักเสบ)
ปวดจนขา หรือเท้ามีอาการชา
เคลื่อนไหวอย่างอิสระไม่ได้ เช่น ก้มตัว ยืดตัวตรง
กลั้นปัสสาวะ หรืออุจจาระเริ่มไม่ค่อยอยู่
หากไม่สามารถหาสาเหตุของอาการปวดหลังได้ และยังมีอาการปวดหลังอย่างต่อเนื่องมากกว่า 6 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจโดยละเอียด เพื่อสาเหตุที่แท้จริง และแก้ไขปัยหาตั้งแต่ต้นเหตุจะดีที่สุดค่ะ เพราะถึงทานยาคลายกล้ามเนื้อ ทายาแก้ปวดภายนอกหมดไปมากเท่าไร อาการอาจไม่ดีขึ้นหากเราไม่ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นจริง
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : sanook.com