4 วิธีป้องกันไวรัสและแฮกเกอร์

4 วิธีป้องกันไวรัสและแฮกเกอร์

 

 

 

ต้องยอมรับ ว่าปัจจุบันคอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ทุกสำนักงานจำเป็นต้องมีและขาดเสียไม่ได้แล้ว บางครั้งพนักงานใช้คอมพิวเตอร์มากเสียกว่าปากกาด้วยซ้ำไป แม้คอมพิวเตอร์จะมีประโยชน์ต่อการทำงานค่อนข้างมากแต่ก็มีข้อบกพร่องอยู่พอ สมควรเหมือนกัน ที่เห็นชัดที่สุดคงเป็นเรื่องไวรัสและเหล่านักแฮกเกอร์ทั้งหลายที่คอยลอบโจม ตีระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์หรือขโมยข้อมูลของผู้ประกอบการอยู่ตลอด แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักแก้ไขปัญหาหลังจากติดไวรัสหรือโดนขโมยข้อมูลไป แล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดอย่างมหันต์ เพราะเมื่อถึงเวลาอาจเกิดความเสียหายกับกับข้อมูลทางธุรกิจไปแล้วก็เป็นได้ ทางที่ดีผู้ประกอบการควรป้องกันตั้งแต่ต้น เพื่อไม่ให้ไวรัสหรือแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญของเราได้

 

1. ใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัส 

 

โปรแกรม แอนตี้ไวรัสคืออาวุธหลักที่จะช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ให้รอดพ้นจากการโจมตี ของไวรัสคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เป็นโปรแกรมสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกท่านต้องติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์เลยที เดียว เพราะโปรแกรมถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกัน ค้นหา และทำลายไวรัสในเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการทำงานผิดพลาดของ โปรแกรมต่างๆ และระบบประมวลผลในเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงต้องเป็นโปรแกรมที่อัปเดตข้อมูล ไวรัสจากทางเซิร์ฟเวอร์บริษัทผู้ผลิตตลอดเวลา อีกทั้งยังต้องไม่กินพื้นที่การทำงานบนเครื่องมากจนเกินไปนักเพราะอาจทำให้ เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ช้าลง ซึ่งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสสามารถหาซื้อได้จากร้านขายโปรแกรมทั่วไปและมีให้ เลือกมากมายหลากหลายค่ายผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นของบริษัท McAfee, Kaspersky Lab, หรือ Eset (Nod32) ฯลฯ หรือเราอาจดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตก็ได้ เพราะปัจจุบันบริษัทได้ทำโปรแกรมออกมาให้ดาวน์โหลดใช้งานฟรี เช่น ของค่าย AVG เป็นต้น

 

2. Firewall คือสิ่งควบคุมการเข้าออกของข้อมูล

 

สำหรับ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Firewall (ไฟร์วอลล์) จัดเป็นโปรแกรมพื้นฐานอีกหนึ่งอย่างที่จำเป็นต้องติดตั้งเอาไว้ในเครื่อง เพราะ Firewall จะทำหน้าที่เสมือนเป็นกำแพงผู้พิทักษ์ในการตรวจสอบการส่งผ่านข้อมูลจากระบบ เน็ทเวิร์กมายังตัวเครื่องและจากตัวเครื่องออกไปสู่ระบบเน็ทเวิร์ก มันช่วยบล็อกการส่งข้อมูลที่ไม่จำเป็นรวมถึงการเข้าถึงข้อมูลภายในเครื่อง คอมพิวเตอร์จากภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่เราตั้งค่าเอาไว้ ช่วยให้ข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ปลอดภัยและไม่ถูกเจาะระบบเพื่อดูดเอา ข้อมูลความลับทางธุรกิจออกไปอย่างแน่นอน

 

3. ใช้ VPN เพิ่มความปลอดภัยในระบบเครือข่าย

 

การติดต่อสื่อสารระหว่างกันภายในองค์กรบริษัทไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่เดียวกัน หรือต่างสถานที่ผ่านระบบโครงข่ายเซิร์ฟเวอร์ของทางบริษัทจำเป็นต้องมี มาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากเป็นพิเศษ เพราะข้อมูลลับทางธุรกิจส่วนหนึ่งถูกส่งผ่านช่องทางนี้เช่นกัน การใช้ระบบเครือข่าย VPN (Virtual Private Network) จะช่วยให้การส่งข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทมีความปลอดภัยและ รัดกุมมากขึ้น เพราะมีการเข้ารหัสด้วยตัวระบบก่อนที่ทำการส่งข้อมูลเสมอ จึงเป็นเรื่องยากหากผู้ไม่ประสงค์ดีจะมาดักและแท็บข้อมูลไปจากเครือข่าย

 

4. ใช้การตั้งค้ารหัสผ่านเพื่อจำกัดการเข้าถึง

      

ผู้ประกอบการต้องให้พนักงานตั้งรหัสผ่านส่วนบุคคลเพื่อยืนยันตัวตนที่แท้จริง ของพนักงานผู้นั้นเพื่อล็อกอินเข้าใช้ระบบหรือดาวน์โหลดเอกสารสำคัญของ บริษัทด้วย การตั้งค่ารหัสผ่านจัดเป็นสิ่งแรกๆ ที่ผู้ประกอบการควรทำเมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายในการทำธุรกิจ เพราะมีความปลอดภัยสูงมากและต้นทุนการดำเนินงานไม่มากนัก หลักการตั้งรหัสผ่านที่ดีคือต้องตั้งรหัสเป็นตัวอักษรผสมกับตัวเลขที่คาดเดา ได้ยากและควรมีจำนวนอย่างต่ำ 8 ตัว และหากเป็นในส่วนการเข้าถึงข้อมูลหรือเพื่อดาวน์โหลดเอกสารสำคัญของบริษัท รหัสผ่านควรมีการเปลี่ยนสม่ำเสมอด้วยเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

วิธีการป้องกันข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ประกอบการให้รอดพ้นจากการโจมตี ด้วยไวรัสและการล้วงข้อมูลของเหล่าบรรดานักแฮกเกอร์ที่ดีที่สุดต้อง เริ่มต้นที่ตัวของผู้ประกอบการและพนักงานก่อนเป็นสำคัญ เพราะวิธีการที่นำเสนอมาจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากผู้ใช้งานขาดซึ่งความรู้ และทำตัวไม่ภักดีต่อบริษัทด้วยการนำข้อมูลจากภายในออกไปให้คู่แข่งภายนอก ดังนั้นนอกจากการสแกนคอมพิวเตอร์เพื่อหาไวรัสแล้ว ก็ควรสแกนพนักงานเพื่อหาสายลับควบคู่กันไปในตัวด้วย จึงจะเป็นการป้องการรั่วไหลของข้อมูลที่ดีที่สุด เพราะถึงอย่างไรเสียไวรัสที่ว่าร้ายก็ยังมิอาจสู้ใจคนที่คิดคดเป็นแน่แท้

 

Credit : incquity
By : www.SoGoodWeb.com

 

โดย :
 7129
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ในเมื่อช่องทางการทำโฆษณาในยุคปัจจุบันเปิดกว้างมากขึ้น Youtube ถือเป็นหนึ่งในช่องทางของการทำโฆษณาบนโลกออนไลน์ นักโฆษณาหลายคน สนใจที่จะมาลงโฆษณาบน Youtube แต่จะมีพื้นที่ลงโฆษณาตรงไหนได้บ้าง และบรรดาคู่แข่งจะลงพื้นที่ตรงไหน วันนี้เรามาดูกันว่าโฆษณาบน Youtube จะมีอยู่กี่รูปแบบ แต่ละรูปแบบเป็นอย่างไร และอยู่บริเวณไหนของหน้าเว็บ
เคล็ดลับสำหรับผู้ใช้ Google Earth Enterprise ถ้าคุณเคยใช้ Google Earth Enterprise (GEE) Fusion Pro and Server คุณจะคุ้นกับขั้นตอนการทำงานหลายอย่างใน Google Maps Engine คุณโหลดข้อมูล ผสานข้อมูลดังกล่าวเพื่อสร้างโลกเสมือนจริง กำหนดค่ารูปแบบ ทดสอบความพร้อม จากนั้นจึงเผยแพร่ให้ผู้ใช้ปลายทาง
หลังจากมีเว็บไซต์ที่ตรงตามความต้องการแล้ว ลำดับถัดมาที่ต้องทำ คือเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นให้เว็บไซต์ เพราะหลายครั้งที่เราเข้าเว็บแล้วรู้สึกว่าเว็บไซต์นี้ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีความเคลื่อนไหว ก็จะกดออกไป ดังนั้นหากไม่ต้องการที่จะเสียโอกาส ก็ต้องรู้ไว้ว่า ต้องทำเว็บไซต์แบบไหน ลูกค้าถึงจะเชื่อมั่น ในธุรกิจของเรา

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์