1. แบรนด์ที่มองหาทีมงานที่เป็นมากกว่าเอเจนซีโฆษณาเท่านั้น Marketing Consultancy ทำงานเสมือนหนึ่งเป็นทีมลูกค้า ตอบโจทย์ความต้องการทางด้านทีมการตลาดที่สุด การจ้างงานที่ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นประจำ และนั่งที่ออฟฟิศ ซึ่งลูกค้าหลายๆ เจ้า เลือกที่จะหามือที่ดีที่สุด มาทำงานที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด โดยไม่ได้จำเป็นต้องจ้างพนักงานประจำแบบ Full Time งสามารถทำงานจากระยะไกลโดยที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศได้ และทำให้การทำงานมันยืดหยุ่นมากขึ้น
2. ผู้บริโภคที่อยากมีประสบการณ์ที่ดีร่วมกับแบรนด์ เพราะเราให้คุณค่าในสิ่งเดียวกัน การสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ดีๆจากแบรนด์ว่า มีความสำคัญช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้บริโภคดีขึ้นอย่างไร ตอบโจทย์มากน้อยแค่ไหน ทั้งหมดนี้กลับหายไปในชิ้นงานโฆษณาช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งนี้จะกลับมาเป็นเทรนด์อีกครั้งในปีนี้ เพราะเมื่อสินค้าและบริการเกิดขึ้นมากมายจนเลือกไม่ถูกใครที่มีประสบการณ์กับผู้บริโภคมากที่สุด ชนะใจด้วยประสบการณ์ที่ดีที่พวกเขาได้สัมผัสมากที่สุด
3. เอเจนซี ใช้ DATA ในการคิดสร้างสรรค์งานครีเอทีฟมากขึ้น จับ Data เหล่านั้นมาเรียงลำดับของข้อมูลแต่ละส่วนให้กลายเป็นเรื่องราวที่เข้มข้นมากขึ้น สามารถดึงดูดให้คนรับบรีฟอย่างครีเอทีฟอ่านตามได้จนจบ และพัฒนาไปสู่ไอเดียการสื่อสารแคมเปญที่สร้างสรรค์ได้จริง
4. เอเจนซีและแบรนด์ในการใช้ DATA ในการต่อยอดสินค้าและบริการ เพื่อตอบโจทย์อินไซต์ของผู้บริโภค เอเจนซีโฆษณาที่มีหน้าที่ช่วยคัดสรร DATA ที่มีประโยชน์จากแบรนด์ มาครีเอตงานโฆษณาหรือต่อยอดในเชิงการตลาดได้อีกมากมาย ซึ่งบางครั้งแบรนด์จมอยู่กับข้อมูลมากมาย เหมือนเส้นผมบังภูเขา จนไม่ทราบว่า ข้อมูลที่มีนั้น เหมือนกับสมบัติล้ำค่าที่นำมาต่อยอดได้ เพราะนั่นคือ อินไซต์ของผู้บริโภคที่แบรนด์จะไปพิชิตใจให้ได้นั่นเอง
5. แบรนด์ เอเจนซี และผู้บริโภค ที่ต้องการเห็นความยั่งยืนของธุรกิจที่ไม่ใช่แค่ CSR ในมุมองของ MD เอเจนซีโฆษณาแถวหน้าของไทย มองลึกกว่านั้นว่า ปี 2024 เทรนด์นี้มาแรงแน่ แต่ต้องตีโจทย์กว้างกว่าเดิม มากกว่าเรื่องของสิ่งแวดล้อม แต่เป็นความยั่งยืนที่ได้รับผลดีทุกฝ่าย ทั้งแบรนด์ ทั้งลูกค้า ลูกค้าของลูกค้าและ Stakeholders หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกกลุ่มใน Value Chain โดยเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในเรื่องความ ยั่งยืนทั้งหมด