เคล็ดลับ!! ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายในเว็บไซต์

เคล็ดลับ!! ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายในเว็บไซต์



เว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพในการ ปิดการขาย ควรมีองค์ประกอบที่ส่งเสริมการตัดสินใจซื้อของลูกค้า และช่วยสร้างความมั่นใจในสินค้าและบริการของคุณ โดยมีสิ่งสำคัญดังนี้:

1. ข้อมูลสินค้า/บริการที่ชัดเจน

  • คำอธิบายสินค้า:
    ใช้คำอธิบายที่เข้าใจง่าย สั้นกระชับ และมีประโยชน์ โดยเน้นจุดเด่นและคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ
  • รูปภาพและวิดีโอคุณภาพสูง:
    ควรถ่ายภาพสินค้าในมุมที่เห็นรายละเอียดชัดเจน และเพิ่มวิดีโอรีวิวหรือวิธีใช้งาน
  • คุณสมบัติเด่น:
    ใส่ตารางเปรียบเทียบหรือไฮไลต์ฟีเจอร์หลักที่เหนือกว่าคู่แข่ง

2. การสร้างความไว้วางใจ

  • รีวิวจากลูกค้า:
    ใส่ความคิดเห็น, คะแนนรีวิว หรือภาพถ่ายจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ
  • การรับประกัน:
    ระบุเงื่อนไขการรับประกันสินค้าอย่างชัดเจน เช่น "รับประกัน 30 วัน"
  • นโยบายคืนสินค้า:
    มีการระบุรายละเอียดการคืนเงินหรือการเปลี่ยนสินค้า
  • โลโก้รางวัล/ความน่าเชื่อถือ:
    เช่น "ร้านค้าที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม" หรือ "มาตรฐานความปลอดภัย SSL"

3. การตั้งราคาชัดเจน

  • ราคาสินค้า:
    ระบุราคาที่ชัดเจน พร้อมส่วนลดหรือโปรโมชั่น เช่น “ลด 30% วันนี้เท่านั้น!”
  • แสดงความคุ้มค่า:
    เช่น "ซื้อ 2 ชิ้นส่งฟรี" หรือ "แถมฟรีสินค้าอีก 1 ชิ้น"

4. ปุ่ม Call-to-Action (CTA) ที่ชัดเจน

  • ใช้ข้อความกระตุ้นให้ซื้อ เช่น
    • "สั่งซื้อตอนนี้"
    • "เพิ่มสินค้าลงในตะกร้า"
    • "รับข้อเสนอพิเศษ"
  • ทำปุ่มให้เด่นและอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นง่าย เช่น ใต้รูปสินค้า หรือด้านล่างสุดของหน้า

5. ระบบชำระเงินที่ง่ายและปลอดภัย

  • รองรับการชำระเงินหลายช่องทาง:
    เช่น บัตรเครดิต, บัตรเดบิต, e-Wallet, และโอนผ่านธนาคาร
  • การแจ้งสถานะคำสั่งซื้อ:
    มีระบบอัปเดตคำสั่งซื้อหรือสถานะการจัดส่ง
  • กระบวนการสั่งซื้อที่ไม่ซับซ้อน:
    ลดจำนวนขั้นตอนใน Checkout ให้เร็วที่สุด

6. การสนับสนุนและบริการลูกค้า

  • แชทสด (Live Chat):
    ให้ลูกค้าสอบถามได้ทันที เช่น “มีสินค้านี้สีอื่นไหม?”
  • คำถามที่พบบ่อย (FAQ):
    รวมคำถามสำคัญ เช่น วิธีสั่งซื้อ การจัดส่ง หรือการรับประกัน
  • เบอร์โทรติดต่อและอีเมล:
    แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์มีตัวตนจริง

7. สร้างแรงจูงใจให้รีบตัดสินใจ

  • การแจ้งเตือนจำนวนสินค้าคงเหลือ:
    เช่น "เหลือเพียง 5 ชิ้นเท่านั้น!"
  • แสดงเวลาสิ้นสุดโปรโมชั่น:
    เช่น “ข้อเสนอหมดเขตในอีก 2 ชั่วโมง”
  • โปรแกรมสมาชิก:
    ให้ลูกค้าสมัครเพื่อสะสมแต้ม, รับส่วนลด หรือสิทธิพิเศษ

8. ความเร็วเว็บไซต์และการใช้งานมือถือ

  • โหลดเร็ว:
    เว็บไซต์ที่โหลดช้าอาจทำให้ลูกค้าถอดใจ
  • รองรับมือถือ (Responsive Design):
    ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่านมือถือได้ง่าย

ตัวอย่างกลยุทธ์ปิดการขาย

  • ใช้ปุ่มเด่น “รับส่วนลดทันที!” พร้อมกรอกอีเมล
  • แสดงข้อความว่า "มีผู้ซื้อสินค้านี้แล้ว 10 คนใน 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา"
  • เสนอ "จัดส่งฟรีเมื่อซื้อเกิน 500 บาท"

การรวมองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายในเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ!

โดย :
 73
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การสร้าง Facebook fanpage นั้นมีประโยชน์อย่างมาก สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายแนวทางเลยทีเดียว
ความพยายามที่จะทำให้ข้อความที่เขียนมาในรูปแบบตัวหนังสือนั้น สามารถจดจำได้ง่าย ๆ ซึ่งหากจะประยุกต์ในแง่ ของธุรกิจ ก็คือ ทำอย่างไรให้การสื่อสารระหว่างกิจการและลูกค้าเป้าหมายของเรามีประสิทธิผลมากที่สุด
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาจับจ่ายใช้สอยผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายหันมาขายสินค้าทางออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งเว็บร้านค้าออนไลน์ก็มีหลายแบบให้เลือก โดยมีรูปแบบการใช้งาน ข้อดีข้อเสีย และค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป สำหรับคนที่กำลังจะเลือกเว็บขายของออนไลน์ เราก็มีข้อมูลมาแนะนำดังนี้

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์