ถ้าคุณทำงานในแวดวงนักโฆษณาคุณจะทราบว่ามันเป็นเรื่องยากขนาดไหน ที่จะจับความสนใจของผู้ใช้ได้ อีกทั้งยังต้องจับประเด็นความสนใจของกลุ่มลูกค้าของคุณ ยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่ ข่าวดีก็คือคู่แข่งของคุณเองก็กำลังประสบปัญหาแบบเดียวกันนี้อยู่เหมือนกัน ปัญหาก็คือแล้วเราจะวัดกันว่าใครมีงบประมาณมากพอที่จะ “เหนียว” ไม่หายไปจากโลกโซเชียลมีเดียอย่างนั้นหรือ?
เน้นโฆษณาบนโลกดิจิทัลประหยัดเงินกว่า
โดยทั่วไปแล้ว แบรนด์จะแบ่งงบประมาณหลักๆ เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งใช้กับโทรทัศน์และอีกส่วนให้แก่ดิจิทัล ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ผสมผสานระหว่างการสร้าง maximizes reach และการ improves recall ซึ่งหลายๆแบรนด์เน้นการสร้างยอดวิวบน TV หลังจากนั้นก็จะนำ Content แบบเดียวกันนี้ไปสร้าง Traffic ต่อในโลกออนไลน์อีกครั้ง
ถึงแม้เทคนิคนี้ดูเหมือนจะช่วยเพิ่มยอดวิวบน TV และเพิ่ม Traffic บนโลกออนไลน์ไปพร้อมๆ กัน และแน่นอนว่าแคมเปญลักษณะนี้จะเสียเปรียบแคมเปญที่ทำมาเพื่อดิจิทัลอย่างเดียว (เพราะไม่สามารถใส่ฟีเจอร์ได้เต็มประสิทธิภาพของแคมเปญนั้นๆ) นอกจากนั้นยังต้องยอมรับว่าดิจิทัลวีดีโอ มีราคาถูกกว่าการออนแอร์วีดีโอบน TV มาก คำสร้างสรรค์วีดีโอออนไลน์โดยเฉลี่ยมักเท่ากับราคา TV spot 30 นาทีบนโฆษณาทีวี
ขณะที่แบรนด์ใหญ่เน้นการใช้จ่ายงบประมาณมหาศาลเพื่อโฆษณาบนสื่อใหญ่ๆ แน่นอนว่าผลลัพธ์ย่อมดีกว่า แต่หากพิจาณาตามสถิติแล้วเราจะพบว่าไม่ว่าแคมเปญจะใหญ่สักเพียงใด ผู้ผลิตหรือแบรนด์จะพบว่าแคมเปญเหล่านั้นมีเสียงตอบรับคงที่เมื่อใช้งบโฆษณาไปแล้วประมาณ 60-65% ของงบประมาณทั้งหมด
นอกจากนี้ ในฐานะที่คุณเป็นแบรนด์เล็กและสามารถเปลี่ยนนโยบายต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การขาย กลยุทธ์ราคา คุณสามารถปรับเปลี่ยนองค์กรและวิธีการขายให้ดีกว่าแบรนด์ใหญ่ตัดหน้าพวกเขาได้ด้วย call to action หรือวิธีการที่สร้างสรรค์ต่างๆ ผู้บริโภคจะจดจำแบรนด์เล็กๆ ได้ด้วยเหตุนี้
อย่างไรก็ตามก่อนที่คุณจะพยายามขโมยลูกค้าจากคู่แข่ง มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณต้องรู้ว่าลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใครบ้าง คุณจะได้รวบรวมข้อมูลและวางแผนว่าจะพิชิตใจคนกลุ่มนี้อย่างไร ดูว่ากลยุทธ์โฆษณาปัจจุบันของพวกเขาเป็นอย่างไรและทำให้ดีกว่าทุกด้าน
Credit : Marketingoops.com
By : www.SoGoodWeb.com