Content แบบไหนที่คนจะไม่ทนอ่าน

Content แบบไหนที่คนจะไม่ทนอ่าน

     การทำ Content Marketing นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน และเป็นกลวิธีที่สำคัญอย่างมากที่ผู้บริโภคทุกคนในโลกนี้สื่อสารกันผ่าน Content และเสพ Content  แต่หลาย ๆ ครั้ง Content วางแผนและทำออกมากลับไม่ได้ประโยชน์อย่างที่คาดไว้ หรือไม่ได้ผลเลยก็มี บางทีเลวร้ายกว่านั้นคือกลับกลายไปสร้างดราม่าต่าง ๆ ขึ้นมา 

     เครื่องมือที่เป็นประโยชน์ ถ้าใช้ไม่ดีก็กลายเป็นโทษมหาศาลได้เช่นกัน การทำ Content Marketing เช่นกัน หลาย ๆ แบรนด์เกิดขึ้นได้ด้วยการทำ Content Marketing ก็สามารถดับได้ด้วยการทำ Content Marketing เช่นกัน ดังนั้นนักการตลาดในยุคนี้ต้องเท่าทันในการทำ Content Marketing อย่างมากว่าแบบไหนควรทำ และแบบไหนไม่ควรทำ ในวันนี้เราลองมาดู Best Practise ที่แบรนด์ต่างประเทศทำกัน

1. โพสมากเกินไป

     หลาย ๆ ครั้งแบรนด์คิดว่าการทำ Content เยอะ ๆ นั้นจะดีมาก ทำให้หลาย ๆ แบรนด์โพสวันหนึ่ง 5-6 รอบ หรือมากกว่า 10 Content ต่อวันก็มี แต่อย่าลืมว่าคุณเป็นแบรนด์ ไม่ได้เป็นเว็บสื่อหรือข่าวที่คนอยากจะรุ้เรื่องข่าวต่าง ๆ หรือความเคลื่อนไหว ทำให้เกิดโพส Content มากเกินไป ไม่ต่างอะไรจากคนพูดมาก พูดไม่ได้ประโยชน์หรือไม่ได้เป็นสิ่งที่คนอย่างฟัง ทำให้คนอยากจะเลิกติดตามแบรนด์นี้ออกไปทันที (ลองนึกถึงไลน์ที่ส่งข้อความวันนึงเยอะ ๆ จากแบรนด์) สิ่งที่แบรนด์ควรทำคือการเอาเวลามาใส่ใจคุณภาพมากกว่าปริมาณที่จะโพส อย่างในต่างประเทศเองแบรนด์เหลือแค่ 10-15 Content ต่อเดือนเท่านั้นแต่สร้าง Content ที่มีคุณภาพให้สุดไปเลย

2. ไร้ความจริงใจ

     หลาย ๆ แบรนด์พยายามยัดเยียดจับกระแสเขาไปใส่แบรนด์ โดยหวังว่าจะได้คนเข้ามาปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์เยอะ ๆ ได้ยอด Reach เยอะ แต่เสียดายที่ไม่ดูว่าสิ่งที่ทำนั้นเข้าบริบทของแบรนด์เลย เช่นมีข่าวดาราที่เกิดเป็นกระแสขึ้นมา ก็ไม่ได้หมายความว่าแบรนด์จะใช้เรื่องนี้โพสขึ้นมาแล้วจะได้กระแสหรือคนชื่นชอบเข้ามาได้ การโพสอะไรโหนกระแสเหล่านี้ทำให้แบรนด์ดูไร้จุดยืน ไม่มีความจริงใจ และไม่ได้เข้ากับคุณค่าของแบรนด์ที่มีเลยก็ตาม สิ่งที่แบรนด์ควรทำคือการมองและโฟกัสว่าอะไรที่เป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ที่ควรโพสมากกว่า เช่นถ้าคุณเป็นแบรนด์ท่องเที่ยว ก็ควรพูดเรื่องกระแสการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นมา

3. ใช้ภาพห่วย ๆ

     ในยุคนี้ภาพมีผลอย่างมาก เพราะคนนั้นรับรู้และประมวลผลภาพได้เร็วกว่าการอ่านข้อความ ทำให้ภาพนั้นเรียกว่าประตูแห่งแรกที่จะทำให้ Content นั้น่าดึงดูดขึ้นมา การโพสภาพ่วย ๆ นั้นทำให้ Content นั้นดูแย่ไปด้วยและทำให้คนมองผ่าน Content นั้นไป สิ่งที่แบรนด์ควรทำคือการใช้ภาพที่มีคุณภาพขึ้นมา หรือสร้างภาพดี ๆ ที่ผ่านการคิด การทำงานและ การ Craft เพื่อให้ภาพนั้นกลายเป็นตัวหยุดนิ้วลงและสายตาให้มาอ่าน Copy เพิ่มเติม

                                                                                                               ภาพจาก Reyes Digital Media

4. ทำตัวรู้ทุกเรื่อง
     แน่นอนนักการตลาดย่อมเชี่ยวชาญในแบรนด์ของตัวเอง อุตสาหกรรมที่ตัวเองทำอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำตัวว่ารู้ทุกเรื่องขึ้นมาได้ การที่คน ๆ หนึ่งจะมาติดตามแบรนด์คุณนั้นนั้นคือการที่อยากรู้อะไรบางอย่าง หรืออยากได้ความบันเทิง ดังนั้นอย่าทำตัวว่าอยู่สูงกว่าและพยายามทำตัวเหมือนสั่งสอนคนอื่น หรือทำตัวว่ารู้ดีทุกอย่างออกมา สิ่งที่ควรทำคือการแชร์ความผิดพลาดที่เคยทำ เล่าความลำบากที่เคยเป็นมา หรือให้บทเรียนในสิ่งที่ทำเพื่อให้คนอื่นได้เรียนรู้จากรากที่คุณเป็น

5. สะกดผิด

     ข้อนี้คงไม่มีใครอยากอ่านแบรนด์ที่ทำการโพสเนื้อหาที่สะกดผิดตลอดเวลา มันดูไม่เป็นมืออาชีพหรือไร้ความใส่ใจต่อสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ หรือกำลังสื่อสารออกมา และยิ่งสะกดมากก็ยิ่งน่ารำคาญไปใหญ่เข้าไปอีก ดังนั้นแบรนด์ที่ดี ต้องมาดูการสะกดของตัวเองทุกครั้งว่าสะกดผิดไหม

6. ไม่ใส่ใจใน Content ที่โพส

     เอาใจเเขามาใส่ใจเรา คำพูดนี้ใช้ได้กับเรื่องนี้ คงไม่มีใครที่อยากจะปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ที่ไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของผู้บริโภค หรือเข้าใจว่าผู้บริโภครู้สึกอย่างไร แล้วทำการโพส Content ที่ไม่ได้คิดถึงใจผู้บริโภคในการอ่าน เนื้อหาที่ทำร้ายจิตใจและความรู้สึกของผู้บริโภค ดังนั้นแบรนด์ที่ดีควรต้องอ่านว่าเนื้อหานั้นเหมาะสมที่จะโพสหรือไม่ และคิดยาว ๆ ว่าเนื้อหาที่โพสจะใผ้ผลในเชิงลบ และ เชิงบวกอย่างไรก่อนโพสไป

7. ใช้ Hashtag มากเกินไป

     Hashtag นั้นมีประโยชน์มากในการติดตามว่าสิ่งที่กำลังสื่อสารนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร แต่การมี Hashtag มากเกินไปนั้นกลับสร้างความรำคาญ และกลายเป็นเหมือนโพส Spam ให้ผู้อ่านอย่างทันที หลาย ๆ คนชอบทำ Hashtag ที่ไม่เกี่ยวข้องมาใช้ หรือสร้าง Hashtag ที่ไม่ได้มีผลอย่างไร มันอาจจะดูสนุกเวลาเป็นโพสส่วนตัว แต่พอมาเป็นแบรนด์แล้วโฑสยาว ๆ แบบนี้มันดูน่ารำคาญและไม่มีอาชีพเลย สิ่งที่แบรนด์ควรทำคือการใช้ Hashtag ให้เหมาะสม ซึ่งทาง Buffer แนะนำว่า IG ควรมีประมาณไม่เกิน 11 ใน Twitter ไม่ควรเกิน 2 นั้นเอง

8. โพส Content ที่คนไม่สนใจ

     การโพสอะไรที่ไม่มีคนสนใจนั้นทำ Content คุณแย่ทันที คนมาติดตามคุณใน Social Media หรือใน Website ด้วยเหตุผลเฉพาะเจาะจง เหมือนเราตามคนในออนไลน์เองถ้าเราตามคนแสดงตลก เพราะนั้นเราอยากได้ Content ตลกถึงมือเรา ดังนั้นแบรนด์ของเราควรจะรู้ว่าคนนั้นอยากได้ Content อะไรจากเรา และโพส Content ที่คนนั้นอยากได้จากเรา แทนที่จะโพสอะไรก็ตามที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนฟัง หรือเป็นสิ่งที่คนฟังไม่ได้อยากรู้จากเรา

 
    8 ข้อคร่าว ๆ ที่ทำให้คนหนีจาก Content คุณ ดังนั้นการทำ Content ไม่ใช่แค่โพสขึ้นไปก็จบไป แต่เต็มไปด้วยข้อควรระวังมากมายและต้องใช้ความใส่ใจในการทำแต่ละครั้ง เพื่อให้ Content แต่ละอันนั้นจะสร้างประสิทธิภาพสูงสุดได้แน่นอน

ที่มา : marketingoops

โดย :
 1108
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สีเป็นรูปแบบของการสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจากข้อความ ตัวอักษรหรือการพูดแต่สีสามารถสื่อสารให้รู้สึกได้ถึงอารมณ์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และภายใต้สีที่แตกต่างกัน สามารถบอกได้ถึงความแตกต่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพศ หรือว่าอายุ ซึ่งจากผลวิจัยบอกว่าสีมีอิทธิพลทางกายภาพอย่างเช่น ฮอร์โมนที่ควบคุมอารมณ์ของเรา การประยุกต์ใช้สีที่เหมาะสม จะช่วยสร้างอุทธรณ์ในด้านต่างๆ ให้กับลูกค้าได้ การเลือกสีของตราสินค้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการสร้างแบรนด์ด้วยเช่นกัน สีสามารถบอกอารมณ์ ความรู้สึกได้
ปัจจุบันชุมชนสามารถสร้างงานและมีรายได้เพิ่มจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งค้าขายและ ท่องเที่ยว เนื่องจากชุมชนมีจุดแข็งของศักยภาพด้านปัจจัยการผลิต มีแหล่งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์และเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
การสร้างคอนเทนต์สำหรับ Own Media ของแบรนด์ดูจะเป็นความท้าทายอยู่พอสมควร เพราะการจะผลิตคอนเทนต์ออกมาให้ต่อเนื่องและยังต้องสร้างความเชื่อมโยงกับแบรนด์ให้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์