ปัญหาโลกแตกของร้านค้าออนไลน์เวลาเปิดร้านนั้นคือ เวลาเปิดร้านแล้วไม่มีคนเข้า ขายของไม่ได้ ไม่รู้จะไปโปรโมทช่องทางไหนดี วันนี้ผมจะมาสาธยายช่องทางการลงโฆษณาพื้นฐานทั้งหมด ว่ามีช่องทางไหนบ้าง แล้วแต่ละช่องทางนั้นมีหน้าที่ทำอะไร และแต่ละช่องทางที่ลงไปแล้ว โฆษณาควรจะเป็นแบบไหน
เอาภาพรวมก่อน สิ่งที่ทุกคนเห็นและใช้กันทุกวัน คือ Google กับ Facebook ซึ่งรู้หรือไม่ว่า ทั้งสองเจ้านี้ มีโฆษณาที่ลงได้หลากหลายมาก แล้วแต่ความต้องการเลยว่าอยากจะลงแบบไหน และอยากได้ลูกค้าแบบไหน
1.Google Search Ads
กลุ่มลูกค้า : มีความสนใจมาก มีโอกาสเป็นลูกค้าสูง (อยู่ที่การเลือก Keywords)
คู่แข่ง : มากน้อยแล้วแต่ข้อความที่ใช้
ความยากในการทำ : ยากนิดหน่อย แต่ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว
ทำแล้วดี : สินค้าเฉพาะทาง ของหายาก
Google Search Ads หลายคนก็จะเรียกมันว่าเป็น Adwords ซึ่งถูกแค่ครึ่งเดียว จริง ๆ แล้วคำว่า Google Adwords นั้นเป็นเพียงตัวกลางในการลงโฆษณาทั้งหมดของ Google เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นการลงโฆษณาวิดีโอ, การลง Banner โฆษณา หรือการลงโฆษณาใน Application นั้นล้วนทำงานผ่านตัวที่ชื่อ Google Adswords ทั้งหมด
ตำแหน่งสีส้ม เป็นการอยู่หน้าแรกแบบปกติ ส่วนตำแหน่งสีเหลือง เป็นตำแหน่งของการซื้อโฆษณา ซึ่งที่หน้าแรกจะมีทั้งหมด 7 ตำแหน่งคือ ด้านบน 4 และด้านล่าง 3 ตำแหน่ง
โฆษณาลักษณะนี้ สิ่งที่ต้องดูและใส่ใจมีอยู่ 2 อย่าง คือ Keywords และคำโฆษณา
สิ่งสำคัญสำหรับการลงโฆษณาเลย เพราะมีผลมากที่สุด การเลือกใช้คำก็ควรเป็นคำที่ส่งผลสื่อไปทางการขายได้จะยิ่งดี ถ้าปกติแล้ว
2.Google Display Network (GDN)
กลุ่มลูกค้า : คนทั่วไปที่สนใจในเว็บนั้น ๆ ที่เลือก
คู่แข่ง : มากน้อยขึ้นอยู่กับความดังของเว็บไซต์ที่ไปลง
ความยากในการทำ : เหมือนกับ Google Search Ads
ทำแล้วดี : สินค้าที่เกี่ยวกับเนื้อหาในเว็บไซต์นั้น ๆ
Google Display Networks หรือเรียกสั้น ๆ ว่า GDN นั้นเป็นการไปลงโฆษณาแบบ Banner เพื่อไปปรากฏบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ยอมรับการเอา Banner จาก Google ไปติดที่เว็บไซต์ เหมือนเป็นช่องทางให้เว็บไซต์รายเล็ก ๆ ที่ไม่อยากหาสปอนเซอร์เอง ก็ใช้บริการของ Google กันเยอะพอสมควร
ตัวอย่างลักษณะกลุ่มเป้าหมายที่เลือกได้
Placement เป็นการเลือกเว็บไซต์ที่จะลงโฆษณาเลย
Topic เป็นการเลือกตามประเภทของเว็บไซต์
Demographic เป็นการเลือกตามลักษณะของผู้ใช้งานเว็บไซต์เลย
Interest เป็นการเลือกตาม Lifestyle ของผู้ใช้งานเว็บไซต์
Remarketing เป็นการเลือกจากคนที่เคยเข้าใช้งานเว็บไซต์เพื่อให้เห็นโฆษณาอีกครั้งหนึ่ง
โดยเฉพาะข้อสุดท้าย Remarketing ที่หลายคนมักเข้าใจว่าเป็นโฆษณาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นแค่กลุ่ม Target หนึ่งในการลงโฆษณา GDN เท่านั้นเอง
3.Facebook Ads
กลุ่มลูกค้า : คนทั่วไปที่เล่น Facebook
คู่แข่ง : มากน้อย ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายที่เลือก
ความยากในการทำ : ทำง่ายมาก ถ้าเป็นคนทำเพจแทบจะเห็นวิธีการลงโฆษณาอยู่แล้ว
ทำแล้วดี : วัดผลได้ง่าย และเห็นผลได้เลยตั้งแต่ที่ลงไปไม่นาน
โฆษณาทาง Facebook นั้นสามารถทำได้ไม่ยาก เพียงไม่กี่ขั้นตอน สำหรับคนที่มีเพจอยู่แล้วจะเห็นปุ่มการ Boostpost ที่เด่นชัดมาก การลงโฆษณาก็ค่อนข้างหลากหลาย และกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตามใจค่อนข้างละเอียดมาก จากวิธีการเล่น Facebook ทุกวันของพวกเรา
การลงโฆษณาผ่านช่องทางนี้มันดีตรงที่ ถ้าลงแล้วได้ผลเราก็จะรู้เลย จาก Like, Comment หรืออาจจะมาในรูป Chat ผ่านกล่องข้อความในเพจ ไม่ต้องใช้เวลานาน บางทีลงไปวันเดียวก็รู้เรื่องแล้วว่าดีหรือไม่ดี
ทั้งหมดเป็นเพียงรายละเอียดคร่าว ๆ สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่กำลังมองหาช่องทางโปรโมท ที่ยกมาเพียง 3 ช่องนี้เพราะเป็น 3 ช่องทางที่เราเห็นมากที่สุด และพูดถึงทุกคนก็นึกออก จริง ๆ การโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์นั้นมีอีกมากมาย ที่ผมเคยเห็นก็จะเป็นพวก Webboard ที่เฉพาะทาง, เว็บไซต์ที่เน้นขาย Banner เอง, การจ้าง Influencer รีวิว หรือจะเป็นการฝากร้านใน IG
ทั้งหมดนั้นก็อยู่ที่เจ้าของร้านแต่ละคนจะสร้างสรรค์ หาไอเดียในการโปรโมทต่าง ๆ ผมเชื่อว่า ถ้าร้านค้าตั้งใจ และใส่ใจการขายสินค้าของตัวเอง ผมเชื่อว่าต้องม่สักช่องทางที่จะทำให้ร้านค้าประสบความสำเร็จแน่นอนครับ
.
.
.
ขอบคุณที่มา : lnwshop