การจัดซื้อสีเขียวพลิกวิกฤตโลกร้อน

การจัดซื้อสีเขียวพลิกวิกฤตโลกร้อน

 

 

 

       หนึ่งในวิธีหลายๆอย่างที่ภาคธุรกิจจะสามารถร่วมรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โดยเฉพาะในประเด็นการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนก็คือการเปลี่ยนแปลงการจัดซื้อโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น (green sourcing) ซึ่งในกระบวนการจัดซื้อทั่วไปนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือการคิดถึงความคุ้มค่าและผลดีผลเสียของสินค้าบริการ และสิ่งต่างๆที่มีต่อต้นทุนและผลกระทบต่อลูกค้าในกระบวนการจัดซื้อสีเขียวก็ย่อมใช้แนวคิดแบบเดียวกัน คือมองถึงการเลือกสินค้าและบริการต่างๆว่ามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยเพียงใดโดยการหาซัพพลายเออร์ที่คำนึงถึงความคุ้มค่าและผลกระทบในเชิงสิ่งแวดล้อม นั้นเอง

 

       แม้ในสหรัฐอเมริกานั้นเรื่องการจัดซื้อสีเขียวก็ยังเป็นเรื่องใหม่อยู่มากในการสำรวจการจัดซื้อสีเขียว (Green purchasing report) ในปี 2007 นั้นพบว่ามีบริษัทเพียงราว 31% ที่เริ่มหันมาจัดการกระบวนการจัดซื้อของตนเองให้รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบแต่ก็กำลังขยายตัวซึ่งหากการจัดซื้อสีเขียวนั้นผูกโยงกับปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและยาวของธุรกิจ ก็ย่อมจะนำไปสู่ผลประกอบการที่ดีขึ้นซึ่งย่อมทำให้เกิดการขยายตัวของการจัดซื้อสีเขียวอย่างต่อเนื่องในการคิดจัดกระบวนการจัดซื้อ

สีเขียวนั้นต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและครอบคลุมถึงผลกระทบของการตัดสินใจใดๆต่อทั้งระบบไม่ใช่เพียงคิดแต่การกดราคาซัพพลายเออร์เท่านั้นตัวอย่างพื้นฐานก็คือกรณีของหลอดประหยัดไฟแบบ 23 วัตต์ซึ่งราคาในสหรัฐอเมริกาประมาณ 180 บาท ซึ่งแพงกว่าหลอดธรรมดา 100 วัตต์ ที่มีราคาเพียง 20 บาท แต่หากมองเรื่องความคุ้มค่าอย่างเป็นระบบแล้วนั้น หลอดประหยัดไฟซึ่งมีอายุใช้งานมากกว่าหลอดธรรมดาถึงราว 10 เท่าในขณะที่ค่าไฟก็ถูกกว่าถึงราวสามเท่าซึ่งย่อมทำให้การเปลี่ยนหลอดไฟขององค์กรมาเป็นหลอดประหยัดไฟย่อมจะถูกกว่าหลอดธรรมดามากอีกกรณีหนึ่งก็คือ น้ำมันหล่อลื่นในอุตสาหะกรรม

 

       ซึ่งน้ำมันจากปิโตรเลียมนั้นถูกกว่าน้ำมันจากถั่วซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถึงสองเท่าหากพิจารณาจากราคาเพียงอย่างเดียว ก็ย่อมจะทำให้การตัดสินใจกระบวนการจัดซื้อสีเขียวนั้นสวนทางกับเหตุผลเชิงเศรษฐศาสตร์​แต่หากได้พิจารณาถึงผลกระทบทั้งระบบของน้ำมันหล่อลื่นแบบปิโตเลียมจะพบว่ามีค่าใช้จ่ายแฝงเป็นค่าจัดการของเสียค่าจัดการและบำบัดผลจากน้ำมันที่หกอีกถึงเกือบ 3 เท่าของราคาขายซึ่งเมื่อพิจารณาจากภาพรวมทั้งหมดแล้วย่อมเห็นได้ว่าแท้จริงแล้วการใช้น้ำมันหล่อลื่นจากถั่วใน

อุตสาหะกรรมทั้งระบบนั้นถูกกว่ามากทั้งนี้สิ่งที่เป็นหลักการสำคัญก็คือการพิจารณาของผลกระทบทั้งระบบและการ จัดการลดการสร้างของเสียในระบบซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับการบริหารจัดการคุณภาพอย่างเป็นระบบ (Total Quality Management -TQM) นั้นเอง

 

       นอกจากนั้นการจัดซื้อสีเขียวยังสามารถส่งผลต่อแบรนด์ของสินค้าและบริการได้ อย่างดีอีกด้วย กรณีตัวอย่างเช่น

ร้านกาแฟสตาร์บัค ซึ่งเดิมกาแฟกับสิ่งแวดล้อมแทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน แต่สตาร์บัคมุ่งเน้นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิตและจัดจำหน่ายกาแฟของตนมาตลอด และผนวกความพยายามดังกล่าวไว้ในการสร้างแบรนด์ของตนเองอย่างเป็นระบบอีกด้วยโดยล่าสุดได้มีการใช้ถุงขยะที่บางลงซึ่งสามารถลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปสู่ แหล่งถมขยะ (landfills) ได้ถึง 750,000 ตันต่อปีและยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายได้ราว 500,000 เหรียญสหรัฐต่อปีอีกด้วย การตั้งเป้าหมายในด้านการจัดซื้อสีเขียวที่วัดผลได้ และกระจายเข้าไปในระบบการจัดซื้ออย่างชัดเจน ย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายเพื่อให้เกิดอย่าง เป็นรูปธรรมไม่เช่นนั้นแล้วการจัดซื้อสีเขียวย่อมอาจจะเป็นการทำไปตามกระแส หรือไม่ได้นำไปสู่การคิดบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ในประเด็นดังกล่าวได้

 

       กรณีศึกษาที่น่าสนใจก็คือกรณีของวอลมาร์ต (Wal-Mart) ซึ่งเป็นเครือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาวอลมาร์ตให้ซัพพลายเออร์ของตนให้ข้อมูลที่มีนัยยะเชิงสิ่งแวดล้อม เช่น อัตราส่วนของปริมาณชิ้นสินค้าต่อหีบห่ออัตราส่วนการนำมาใช้ใหม่ของสินค้า อัตราส่วนการนำวัสดุที่ใช้แล้วมาใช้ของสินค้าชิ้นนั้นๆ ซึ่งวอลมาร์ตจะให้คะแนนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของซัพพลายเออร์รายต่างๆของตนเพื่อนำไปตั้งเป้าหมายและจัดการด้านการจัดซื้อสีเขียวในลักษณะต่างๆ เช่นการลดจำนวนหีบห่อของสินค้าลง 5% ในปี 2013 ซึ่งมีสินค้ากว่า 97,000 รายการที่เข้ากระบวนการให้คะแนนดังกล่าวซึ่งย่อมเป็นการสร้างแรงจูงใจที่จะให้ผู้ผลิตสินค้าต่างๆพยายามลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถได้ประโยชน์หรือลดความเสี่ยงจากระบบคะแนนด้านการจัดซื้อ

สีเขียวของวอลมาร์ต

 

       นอกจากการเลือกซัพพลายเออร์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมแล้ว ในโลกแห่งการแข่งขันขนาดใหญ่ที่แทบไร้เขตแดนนั้น การร่วมลงทุนสนับสนุนซัพพลายเออร์ให้สามารถผลิตสินค้าและบริการที่มีสิทธิ ภาพและความคุ้มค่าในเชิงสิ่งแวดล้อมและต้นทุนที่ดีขึ้นนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญโดยเฉพาะสำหรับเหล่าบริษัทข้ามชาติที่ต้องมีเครือข่ายบริษัทขนาดเล็กและขนาด กลางที่ร่วมเป็นหุ้นส่วนในการการดำเนินงานกันอย่างกว้างขวาง ดังเช่นบริษัทเจนเนอเรลอีเล็กทริกส์ (General Electrics -GE) ซึ่งลงทุนนับพันล้านเหรียญสหรัฐฯในการลงทุนไปยังบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางที่เป็นหุ้นส่วนกัน เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประสิทธิภาพของการใช้ พลังงานและพลังงานทดแทนโดยมีเป้าหมายให้เกิดเครือข่ายทางนวัตกรรมที่มี GE เป็นผู้นำซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของ GE เอง

 

       จะเห็นได้ว่าการจัดซื้อซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญของทุกธุรกิจนั้นมีบทบาทอย่างยิ่งในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรับผิดชอบของธุรกิจที่มีต่อสังคม (CSR) ในภาพรวมอีกด้วยแนวทางสำคัญในการดำเนินการดังกล่าวให้สำเร็จก็คือการพิจารณาการจัดซื้อต่างๆ อย่างเป็นระบบรอบด้านไม่ใช่เพียงคิดจากราคาขายของสินค้าหรือบริการต่างๆแต่อย่างเดียวและยังควรคิดในเชิงยุทธศาสตร์ทั้งต่อการสร้างแบรนด์และการจัดการเป้าหมายการจัดซื้อสีเขียวที่เป็นรูปธรรมวัดผลได้และมีผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพและผลการประกอบการของบริษัทในที่สุด

 

Credit : logisticscorner
By : www.SoGoodWeb.com

 

โดย :
 4645
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

T1: Target ก่อนอื่นเลย คุณต้องชัดเจน และเข้าใจ target group ของสินค้าคุณว่า คือใคร มี lifestyle เป็นอย่างไร มีปัญหาหรือความต้องการในเรื่องที่สินค้าคุณสามารถตอบโจทย์เค้าได้ดีเพียงใด และมีการพิจารณาทางเลือกไหนบ้างให้ในการตอบสนองความต้องการ และที่สำคัญคือ อะไรคือโอกาส และอุปสรรคในการตัดสินใจซื้อสินค้าคุณสำหรับ target group นี้ เช่น ประสิทธิภาพของสินค้า / ระดับราคา / ดีไซน์ / รูปแบบแพ็คเกจ และบรรจุภัณฑ์ / ข้อเท็จจริงที่ยืนยัน / บุคคลที่น่าเชื่อถือ / โปรโมชั่น ฯลฯ
เป็นธรรมเนียมไปแล้ว เมื่อปี 2018 กำลังจะผ่านไป ปี 2019 กำลังจะมา พี่สมาร์ทก็อยากจะถามเพื่อนๆ ชาวคนโรงแรมว่า ได้เตรียมพร้อมสำหรับปีหน้าแล้วหรือยัง? ถ้ายัง มาเริ่มต้นจากเทรนด์การตลาดโรงแรมในปี 2019 หรือ 2562 กันดีกว่าครับ ยาวหน่อย แต่รับรองว่าอ่านจบแล้วได้ทั้งประโยชน์และไอเดียเลย
คุณเคยสงสัยไหมว่าแบรนด์ต่าง ๆ ทั่วโลก มีวิธีทำยังไงถึงทำให้คนรู้จักแบรนด์ คำตอบที่ได้ส่วนมากคงหนีไม่พ้น “การโฆษณา (AD)” หรือ “การประชาสัมพันธ์ (PR)” ว่าแต่ทั้งสองอย่างที่ว่ามานี้ ทำงานอย่างไรล่ะ แตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไรบ้าง มีข้อดีข้อเสีย วันนี้จะมาเล่าให้ฟัง

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์