ความพยายามที่จะทำให้ข้อความที่เขียนมาในรูปแบบตัวหนังสือนั้น สามารถจดจำได้ง่าย ๆ ซึ่งหากจะประยุกต์ในแง่ ของธุรกิจ ก็คือ ทำอย่างไรให้การสื่อสารระหว่างกิจการและลูกค้าเป้าหมายของเรามีประสิทธิผลมากที่สุด จดจำแบรนด์ของเรา ได้มากที่สุด และเข้าใจประทับใจในข้อมูลที่เราต้องการให้ลูกค้าทราบแบบไม่มีวันลืมเลือนกันเลย มาเริ่มจากเทคนิคแรก
การสอดแทรกรูปภาพเข้าไปในข้อความที่ต้องการจะสื่อสารนั้น ๆ ทำให้สมองมีแนวโน้มที่จะจดจำภาพมากกว่าตัวหนังสือ รวมถึงภาพ ที่เขาชอบจะทำให้เกิดความประทับใจมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น ในยุคที่เทคโนโลยีด้านแอนิเมชั่นอยู่ในความสนใจของเด็กรุ่นใหม่ หากกิจการของเราต้องการจับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้ การสื่อสารข้อมูลผ่านทางรูปภาพเชิงแอนนิเมชั่นและการ์ตูนไฮเทคย่อมจะปลุกเร้า ความสนใจ และทำให้กลุ่มเป้าหมายของเราสามารถจดจำตราสินค้าของกิจการได้อย่างง่ายดาย
ที่ชัดเจน สะดุดตา ในการสื่อสารให้เกิดความสนใจต่อผู้รับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะสีที่จะสร้างความตระหนักได้ดี จะเป็นสีที่ สดใส เช่น แดง เหลือง เขียว น้ำเงิน ฯลฯ และหากเรานำสีที่ผู้คนมักจะมีความเข้าใจในความหมายพื้นฐานอยู่แล้วเข้ามาใช้ด้วย ก็จะทำให้ไม่มีปัญหาในการจดจำเลย ยกตัวอย่างเช่น สีแดง มักจะถูกมาใช้กับเซนส์ที่บอกว่า “เป็นสิ่งที่ต้องระวัง” หรือเป็นเอกลักษณ์ที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ จึงเกิดเป็น การนำเอาสีแดงเข้ามาในการห้ามจราจรนั่นเอง หรือการเรียกร้องความสนใจในเชิงกระตุ้นเตือนต่าง ๆ ต่อผู้รับข้อมูล
การสอดแทรกหรือเสริมข้อมูลทางด้านประสาทสัมผัสด้านต่าง ๆ ไปกับข่าวสารของกิจการด้วย ทั้งในเรื่องของรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เรียกว่านำมาใช้ในเชิงการตลาดประสาทสัมผัสทั้งห้า (Sensory Marketing) นั่นเอง โดยกิจการที่เทคนิคนี้มาใช้อย่างประสบความสำเร็จ เป็นต้นแบบก็คือ สตาร์บัคส์ ที่นำ Sensory Marketing มาสร้างความตระหนักและภักดีต่อแบรนด์ของตนได้อย่างสัมฤทธิผลที่เดียว โดยไม่เพียงแต่สื่อสารเป็นข้อความเท่านั้น แต่เมื่อเข้ามาในร้านสตาร์บัคส์ จะได้รับการสื่อสารตั้งแต่
ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจออกกลยุทธ์เพื่อการแข่งขันใด ลองนำเอาผลการศึกษาเกี่ยวกับสมองและการรับรู้เข้าไปประยุกต์ร่วมด้วย เพื่อการันตีความสำเร็จที่สูงขึ้นของทุกท่านค่ะ
Credit : bangkokbizweek
By : www.SoGoodWeb.com