หลักการทำการตลาดออนไลน์ 6 ประการ
1. เริ่มด้วย SEO และหา "คีย์เวิร์ด" เฉพาะในธุรกิจของคุณการทำการตลาดออนไลน์เป็นสิ่งที่ธุรกิจของคุณจะต้องให้ความเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่งเพราะจะช่วยในการเพิ่มยอดขายและกำไรให้กับธุรกิจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การทำเว็บไซต์ให้ดูสวยงาม น่าเชื่อถือ มีเนื้อหาที่ดีและเป็นประโยชน์เผยแพร่ นั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่จะไม่ได้ประโยชน์เต็มที่แต่อย่างใด หากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณไม่สามารถหาเว็บไซต์ของคุณเจอ ดังนั้น พื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการทำการตลาดออนไลน์คือการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้ง่ายต่อ Google หรือเสิร์ชเอ็นจิ้นอื่นๆ สามารถค้นพบข้อมูลหรือเว็บไซต์ของคุณได้ หรือกล่าวง่ายๆ คือทำอย่างไรก็ได้ให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ 1 ใน 10 อันดับแรกของผลลัพธ์การค้นหา
องค์ประกอบสำคัญของ SEO รวมถึง
- การมี "คำค้นหาหรือคีย์เวิร์ด" ที่ต้องการปรากฎอยู่ภายในเว็บไซต์อย่างทั่วถึงเว็บไซต์ที่อยู่นิ่งเปรียบเสมือบเว็บไซต์ที่ตายไปแล้ว ดังนั้น การมีเนื้อหาหรือคอนเทนต์เผยแพร่บนเว็บไซต์อยู่อย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นสิ่งสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์เป็นอย่างมาก ทุกวันนี้ เว็บไซต์จำนวนมากในทุกกลุ่มธุรกิจต่างขับเคลื่อนและดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์โดยการเผยแพร่บทความผ่าน บล็อก โซเชียลมีเดีย Facebook YouTube สื่ออินโฟกราฟฟิค Podcast และอื่นๆ เข้ามาในเว็บไซต์ของตนเพื่อสร้าง Brand Awareness หรือให้มีการจดจำแบรนด์ของตนได้ ซึ่งแม้ว่าผู้เข้าชมอาจมิใช่ลูกค้าของธุรกิจในทันทีที่เข้ามาเยี่ยมชม แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่แน่ว่าในอนาคตเมื่อพวกเขามีความต้องการซื้อสินค้าหรือบริการที่ทางคุณนำเสนอ พวกเขาอาจกลับมาอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของคุณในที่สุดก็เป็นได้ นอกจากนี้ Google ยังจัดอันดับเว็บไซต์โดยมีเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาข้อหนึ่งคือ "เนื้อหา" ที่ปรากฎในเว็บไซต์มีความเกี่ยวข้องกับ "คียเวิร์ด" มากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับเว็บไซต์อื่นๆ อีกด้วย ยิ่งธุรกิจหมั่นเผยแพร่เนื้อหาหรือบทความที่เป็นประโยชน์มากเพียงใด โอกาสที่ธุรกิจหรือเว็บไซต์ของที่จะถูกค้นพบโดยกลุ่มลูกค้ามุ่งหวังก็มากขึ้นตามไปด้วย
การเผยแพร่คอนเทนต์ผ่านเว็บไซต์หรือบล็อกเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในแบรนด์ของคุณ
อย่างไรก็ตาม การเผยแพร่คอนเท้นท์อย่างสม่ำเสมอนั้นไม่เพียงพอ ประเด็นสำคัญคือเนื้อหาที่เผยแพร่นั้นจะต้องผ่านการคิด วิเคราะห์ เรียบเรียงมาเป็นอย่างดี คอนเทนต์จะต้องมีคียเวิร์ดที่ได้วางแผนไว้ปรากฎอยู่เป็นระยะๆ รวมทั้งเนื้อหาหรือคอนเทนต์จะต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าชมเป็นอย่างมากด้วย การเผยแพร่บทความผ่านเว็บไซต์หรือบล็อกนั้นเป็นการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ และยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่ช่วยสร้างการจดจำตราสินค้าหรือสร้าง Brand Awareness รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณนำเสนออีกด้วย การเผยแพร่บทความที่มีประโยชน์และมีคุณค่านั้น ยังมีโอกาสที่เว็บไซต์อื่นๆ อาจจะลิงก์มายังเว็บของคุณด้วย ซึ่งจะช่วยอันดับการค้นหาของเว็บคุณดีขึ้นตามไปด้วย
3. ใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมหรือโซเชียลมีเดียในการแชร์คอนเทนต์ของธุรกิจ
โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook Instragram Twitter และอื่นๆ เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่เชื่อมต่อธุรกิจของคุณเข้ากับโลกภายนอก โดยคุณสามารถใช้ Facebook ในการดึงความสนใจจากแฟนเพจพร้อมสื่อสารสิ่งที่คุณต้องการออกไป นอกจากนี้ คุณสามารถใช้ Facebook ในการดึงผู้ชมเข้ามาอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมต่อภายในเว็บไซต์ของคุณได้ในภายหลัง และยิ่งถ้าผู้คนเห็นและแชร์โพสบนเฟซบุ๊คของคุณมากเพียงใดแล้วหล่ะก็ โพสเหล่านั้นก็จะยิ่งเป็นตัวขับเคลื่อนผู้ชมเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะเท่ากับเป็นการสร้างภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ และยังมีโอกาสสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกด้วย
อีเมลมาร์เก้ตติ้ง (Email marketing) เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญในการทำออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสื่อสารตรงไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผู้ซึ่งมีความสนใจในแบรนด์ของคุณอยู่แล้ว ดังนั้น การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่าน "จดหมายข่าว / Newsletter" จะช่วยให้แบรนด์ของคุณถูกนึกถึงเป็นลำดับแรกๆ ในกลุ่มสินค้าหรือบริการประเภทเดียวกัน รวมทั้งเป็นการช่วยสร้างการจดจำตราสินค้า (Brand Awareness) ไปในคราวเดียวกันด้วย
ทั้งนี้ ธุรกิจควรฟังลูกค้าอย่างตั้งใจ ซึ่งในที่นี่หมายถึงผู้สมัครสมาชิกบอกรับจดหมายข่าว แทนที่จะพูดหรือสื่อสารในสิ่งที่คุณคิดว่ามันสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น มือถือแบรนด์หนึ่งส่งข่าวสารไปยังสมาชิกถึงคุณสมบัติและสเปคโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ แต่สมาชิกบอกรับจดหมายข่าวส่วนใหญ่ต้องการทราบเกี่ยวกับคู่มือการใช้งานโทรศัพท์และวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นของโทรศัพท์ที่ตนเองซื้อไป ดังนั้น ธุรกิจควรเผยแพร่จดหมายข่าวในสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากกว่า ซึ่งนี่จะเป็นการสร้างความไว้วางใจ ความเชื่อมั่นและการรักษาสัมพันธภาพที่ดีระหว่างธุรกิจของคุณกับลูกค้า ทั้งยังเป็นการสร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์และสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ของคุณอีกด้วย.
ผู้มาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของธุรกิจ นอกจากการเข้ามาค้นหาสินค้าหรือบริการที่ตนเองต้องการแล้ว พวกเขายังเข้ามาเพื่อดูข้อมูลต่างๆ อาทิ แผนที่การเดินทาง เวลาเปิดปิดทำการ เบอร์โทรติดต่อ และอื่นๆ อีกด้วย การทำให้ข้อมูลเหล่านี้อยู่ในจุดที่เห็นได้โดยง่ายผ่านการออกแบบดีไซน์ การวางเลย์เอ้าท์ร่วมกับเนื้อหาอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ ตามการศึกษาวิจัยพบว่ามีผู้คนมากกว่าร้อยละ 60 ใช้โทรศัพท์มือถือในการค้นหาสิ่งที่พวกเขาต้องการผ่านโทรศัพท์มือถือ
ดังนั้นการทำเว็บไซต์ที่รองรับอุปกรณ์มือถือ แท็บเล็ต เป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งหากเว็บของธุรกิจไม่รองรับมือถือ อันดับเว็บของคุณก็จะร่วงหล่นลงจากผลลัพธ์การค้นหาของ Google อย่างแน่นอน นอกจากนี้จะต้องอัปเดตตำแหน่งที่ตั้งของธุรกิจใน Google Map ให้ถูกต้องเพื่อให้ลูกค้ามุ่งหวังสามารถเดินทางมาได้อย่างถูกต้องด้วยเช่นกัน
6.นำเสนอคอนเทนต์ในหลากหลายรูปแบบเพื่อดึงดูดผู้เข้าชม
ในการนำเสนอข้อมูลเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เข้ามาหาข้อมูลนั้น นอกเหนือจากข้อความ รูปภาพประกอบทั่วไปแล้ว เว็บไซต์ยังสามารถนำเสนอรูปแบบอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ด้วย อาทิ การนำคลิปวิดิโอมาแทรก การทำโพลหรือแบบสำรวจ การจัดสัมมนา ซึ่งกลุ่มผู้ชมต่างกันอาจต้องการรับชมข้อมูลในรูปแบบที่แตกต่างกันไปด้วย เช่น วัยรุ่นอาจชอบชมคลิป ไม่ชอบอ่านตัวอักษรเยอะ กลุ่มผู้หญิงอาจชอบภาพประกอบที่สวยงามพร้อมข้อความตกแต่งเล็กน้อย กลุ่มผู้ใหญ่ชอบภาพนิ่งและฟ้อนท์ตัวใหญ่ๆ เป็นต้น ดังนั้นการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองกับพวกเขาเหล่านั้นได้ตรงเป้า ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาสามารถจดจำและไว้วางใจเนื้อหาหรือคอนเท้นท์ที่คุณนำเสนอ รวมถึงแบรนด์ของคุณได้
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : tistranslation