6 วิธีค้นหาคีย์เวิร์ดที่ดี เพื่อใช้งาน SEO สำหรับธุรกิจของคุณ

6 วิธีค้นหาคีย์เวิร์ดที่ดี เพื่อใช้งาน SEO สำหรับธุรกิจของคุณ

        การทำคีย์เวิร์ด (Keyword) คือ การวิเคราะห์และการหารายการของคำต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพในการนำไปเขียนบทความสำหรับ SEO ซึ่งคำเหล่านี้จะเป็นแนวทางสำหรับทิศทางของเนื้อหาคอนเทนต์ที่จะนำมาใช้ในการสร้างแผนกลยุทธ์การตลาดของคุณ


วิธีในการค้นหา
คีย์เวิร์ด

        วิธีในการค้นหา อันนี้มีหลายวิธีที่จะทําด้วยตนเองหรือใช้เครื่องมือค้นหาคำหลัก เช่น หาจาก Keyword Tool (เครื่องมือคําหลัก) ก็ได้ แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใดมีขั้นตอนสําคัญหลายประการที่คุณต้องดําเนินการ ตั้งแต่การสรุปเป้าหมายของคุณ ไปจนถึงการดำเนินการตามแผนคีย์เวิร์ด ข้อมูลด้านล่างนี้จะเป็นคำแนะนำดีๆ ที่จะช่วยทำให้การค้นหาคีย์เวิร์ดของคุณง่ายขึ้น


1.กำหนดเป้าหมายของคุณ

        แผนต้องเริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายเสมอ แต่ก่อนหน้านั้นคุณควรทบทวนคำถามที่สำคัญเหล่านี้ก่อน เช่น

  • คุณคือใคร?
  • แบรนด์ของคุณเกี่ยวกับอะไร?
  • อะไรที่ทำให้คุณพิเศษ?
  • เว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร?

        เมื่อคุณได้ตอบคำถามเหล่านี้ได้แล้ว คุณจะต้องระบุสิ่งที่เป็นภารกิจของแบรนด์ของคุณ ว่าคุณต้องการเพิ่มจำนวนสมาชิกหรือคุณมีเป้าหมายการขายตามวันที่กำหนดหรือไม่ สิ่งสำคัญ คือ การกำหนดเป้าหมายของคุณ เพราะจะเป็นแนวทางสำหรับกลยุทธ์และแผน SEO ของคุณ รวมไปถึง Keyword ค้นหาที่คุณจะใช้ ซึ่งควรสอดคล้องกับเป้าหมายของคุณ โดยแตกต่างกันไปในแต่ละ Content Funnel


2.ทำรายการหมวดหมู่คำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

        การทำรายการคำให้แบ่งตามหมวดหมู่หลักของแบรนด์และเป้าหมายที่คุณตั้งเป้าไว้ โดยแบ่งเป็นกลุ่มหัวข้อย่อยๆ และทำรายการลงมาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ และสิ่งที่คุณต้องการให้ติดอันดับบน Google 

ตัวอย่าง เช่น SoGoodWeb เป็นผู้ให้บริการเว็บสำเร็จรูปและรับทำเว็บไซต์ หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์อาจจะเป็น

  • เว็บไซต์สำเร็จรูป
  • ออกแบบโลโก้
  • โดเมนเนม

        หัวข้อเหล่านี้จะต้องมีความสำคัญต่อธุรกิจของคุณ และเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ซื้อของคุณ ลองนึกถึงกลุ่มหัวเรื่องที่กลุ่มเป้าหมายของคุณจะทำการค้นหาบน Google ซึ่งหัวข้อเหล่านี้เราสามารถจัดเก็บเอาไว้และนำมาแยกย่อยเป็นคำหลักได้ในภายหลัง


3.สร้างรายการ
Keyword หลักของคุณ

        เมื่อคุณแบ่งหมวดหมู่หลักของคุณออกเป็นหัวข้อย่อยต่างๆ แล้วคุณสามารถเริ่มสร้างรายการคำหลักตั้งต้นได้ คำหลักเหล่านี้จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับหัวข้อต่างๆ ของคุณและที่สำคัญกว่านั้น คือ ต้องเป็นคำที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอาจค้นหาใน Google

        คีย์เวิร์ดตั้งต้นมีความสำคัญเนื่องจากจะกลายเป็นรากฐานของการทำ Keyword Research ของคุณ ซึ่งจะนำมาเป็นหลักหรือคำที่อธิบายถึงแบรนด์ของคุณว่าเกี่ยวกับอะไร และใช้ในการวิเคราะห์คู่แข่งของคุณอีกด้วย หากคุณสงสัยว่าจะหาคำตั้งต้นของแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคุณได้อย่างไร จริงๆ แล้วง่ายกว่าที่คุณคิดมาก สิ่งที่คุณต้องทำคือ อธิบายถึงสินค้าบริการของคุณออกมาให้ง่ายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และระดมความคิดว่าคนอื่นๆ จะทำการค้นหาถึงแบรนด์ของคุณบน Google ว่าอย่างไร


4.ศึกษาเจตนาในการค้นหา

        Plugin ในการดูคำที่มีการค้นหาสูงเพื่อเพิ่มอันดับในการค้นหาสำหรับหน้าเว็บไซต์ใช้งานได้อย่างดาย แต่มันจะไม่ง่ายอีกต่อไป ซึ่งในวันนี้ AI ของ Google ได้มีการเปรียบเทียบและเรียนรู้คำที่ผู้ใช้งานค้นหากับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการเห็นว่าตรงใจผู้ใช้งานหรือไม่

        การค้นหาถึงเจตนาหรือเหตุผลในการค้นหาว่าคำต่างๆ ว่าทำไมผู้คนถึงค้นหาคำที่เฉพาะเจาะจง  ซึ่งมีปัจจัยขับเคลื่อนมากมายอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมการค้นหาของผู้คน เช่น

  • ทำไมพวกเขาถึงค้นหา?
  • พวกเขากำลังค้นหาเพราะพวกเขามีคำถาม และต้องการคำตอบนั้นหรือไม่?
  • พวกเขากำลังค้นหาเว็บไซต์ที่เฉพาะเจาะจงหรือไม่?
  • พวกเขากำลังค้นหาเพราะต้องการซื้อของบางอย่างหรือไม่?

        เมื่อคุณได้ไอเดียที่ดีในการค้นหาสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของผู้อ่านหรือกลุ่มเป้าหมาย คุณจะสามารถใช้ในการปรับแต่งการทำ Keyword Research การมีรายการคำที่มีการค้นหาสูงที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือหัวข้อของคุณนั้นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม แต่การค้นหาคำที่ตรงกับความตั้งใจในการค้นหาของกลุ่มเป้าหมายโดยตรงนั้นดีกว่า


5.การกำหนด
Long-Tail Keywords

        คำหลักที่ตั้งต้นมักจะเป็นข้อความค้นหาที่สั้นกว่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือหมวดหมู่หลักของแบรนด์คุณอย่างใกล้ชิด ในทางกลับกัน Long-Tail Keywords มีความหมายมากกว่าและมักเกี่ยวข้องกับกลุ่มหัวข้อย่อยที่เจาะจงกว่า ทำให้การจับคู่เจตนาของผู้ค้นหาใน Long-Tail Keywords นั้นตรงกับความต้องการได้อย่างเจาะจงกว่าและได้รับ conversion rate ที่สูง


6.ค้นหาเกี่ยวกับคู่แข่งของคุณ

        การทำ Keyword Research บน Google เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณอาจไม่เพียงพอ นอกจากนี้คุณยังจะต้องสำรวจถึงสิ่งที่คู่แข่งของคุณกำลังทำ ยิ่งคุณเข้าใจคอนเทนต์ในอุตสาหกรรมของคุณได้ดีเท่าไร ก็ยิ่งดีสำหรับ SEO ของคุณเท่านั้น การทำความเข้าใจถึงความสามารถในการแข่งขันของคำหลักต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถระบุข้อความค้นหาที่อาจจัดอันดับได้ยากเกินไป แต่ที่สำคัญที่สุด คุณจะสามารถค้นหาช่องว่างของโอกาสคำหลักได้


สรุป

        เมื่อเราได้ทำคีย์เวิร์ดตามขั้นตอนเหล่านี้แล้ว จะทำให้เรามีข้อมูลเชิงลึกเพียงพอที่จะสร้างเนื้อหาและกลยุทธ์ SEO ที่ดี ที่สามารถนำวางกลยุทธ์ทางเว็บไซต์ คอนเทนต์ และ SEO ได้อย่างแม่นยำและที่สำคัญสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งการทำค้นคว้าข้อมูลนี้อาจใช้เวลา แต่รับรองว่าจะช่วยให้การทำงานและผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว แต่การเลือกคีย์เวิร์ดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากต้องการให้เว็บติดหน้าแรก จุดสำคัญ ก็คือ การเขียนบทความที่เป็นประโยชน์ให้ผู้คนได้อ่านและการเลือกใช้คำที่ผู้คนค้นหาเสมอ

 

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : talkatalka

โดย :
 871
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

เริ่มต้นปีใหม่ด้วยข่าวร้ายของ Adobe Flash Player ปลั๊กอินเบราเซอร์รุ่นเก่าที่มาอายยุยาวนานกว่า 10 ปีที่เรารู้จักกันดี ถูกยกเลิกนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมนี้เป็นต้นไป
การทำเว็บไซต์ออนไลน์ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูง ผู้ที่ใส่ใจพัฒนาเว็บไซต์ตามระบบ SEO จะทำให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้นจากการค้นด้วยช่อง search ใน Google โดยมีเทคนิคที่จะทำให้เว็บไซต์ได้อันดับ SEO สูงขึ้น
ยอมรับจริงๆ ว่าในขณะนี้ ใครๆ ก็เป็นแม่ค้า พ่อค้า ออนไลน์ ทาง Facebook กันทั้งนั้น แค่สมัคร User ไม่ถึง5นาที ก็สามารถเปิดร้านขายของได้ง่ายๆโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท แต่ทุกคนจะรู้หรือไม่? ว่ามี Facebook Page อย่างเดียวไม่พอ เราต้องมี Website หลักของร้านค้าด้วย วันนี้ SoGoodWeb ขอแนะนำ 5 เหตุผล ที่ร้านค้าออนไลน์ควรมี Website เป็นของตัวเองมาฝากกันค่ะ

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์