4 ความผิดพลาดของกลยุทธ์ที่ทำให้ Content ล้มเหลว

4 ความผิดพลาดของกลยุทธ์ที่ทำให้ Content ล้มเหลว

     Content Marketing เป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิด Customer Engagement อย่างมากในยุคปัจจุบัน ก่อให้เกิดลูกค้ารายชื่อเพิ่มขึ้น และเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้เป็นลูกค้าได้ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ต้องการได้สำหรับแบรนด์เมื่อทำ Content Marketing Campaign ที่ถูกคน ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลาขึ้น และผลที่ได้จากการวางแผนเหล่านี้ย่อมทำให้เกิดผลประสบความสำเร็จขึ้นมา

     ความสำเร็จของการทำ Content Marketing นี้เกิดจากการเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายตัวเองเป็นอย่างไร และเข้าใจว่าช่วงเวลาแบบไหนที่จะทำ Campaign Content เหล่านั้นออกไป ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้สามารถล้มเหลวได้ตลอดการทำกลยุทธ์ ซึ่งจะทำให้คนที่วางแผนนั้นเสียเวลา เสียแรง และสิ่งสำคัญคือเสียเงินที่ลงไปทั้ง Campaign อีกต่าง ๆ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความล้มเหลวดังกล่าว วันนี้ทีมงานจะเอา 4 ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการทำกลยุทธ์ Content จนทำให้ทุกอย่างล้มเหลวได้

1. อิงกับการเดามากกว่าข้อมูลจากการเก็บข้อมูล : หลาย ๆ ครั้งกลยุทธ์ต่าง ๆ นั้นล่มได้อย่างง่ายดาย หรือทำแล้วไม่ได้ผล เพราะคำ ๆ เดียว นั้นคือคำว่า สมมติ โดย สมมติว่าคุณรู้จักกลุ่มเป้าหมายดีว่าเป็นอย่างไร ซึ่งแน่นอนถ้าคุณไม่มีการทำการบ้านมา ก็ไม่มีวันเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงนั้นคิดอะไร ต้งการอะไรอย่างมาก สิ่งสำคัญคือการ สมมติ ว่าสิ่งที่คิดนั้นจะใช้ได้ผลกับกลุ่มเป้าหมายทุกคนออกมา ซึ่งนี้ก็เป็นคิดผิดอย่างมาก เพราะถ้าเข้าใจเรื่อง การกำหนดเป้าหมายการซื้อ จะพบว่า กลุ่มเป้าหมายนั้นมีความแตกต่างกันในด้านความต้องการ ดังนั้นการที่คุณจะทำให้กลยุทธ์ Content ของคุณให้ได้ผล คือการลงมือเก็บข้อมูลจริง ๆ จากกลุ่มเป้าหมายมา และทำงานให้ใส่ใจในรายละเอียดว่า กลุ่มเป้าหมายแต่ละคนนั้นมีเบื้องหลังความคิดอย่างไรออกมา เพื่อให้คุณสามารถสร้างแผนของ Content Marketing ที่จะเข้าสู่กลางใจกลุ่มเป้าหมายได้

2. เลือกปริมาณมากกว่าคุณภาพ : ยุคนี้เป็นยุคที่มีมาตรวัดตัวเลขแบบเยอะ ๆ นั้นไม่มีค่าอะไร เช่นคนเห็นล้านคนแต่ไม่มีใครซื้อเลย เทียบไม่ได้กับ คนพันคนที่มีคุณภาพแล้วซื้อพันคน ในกลยุทธ์ก็เช่นกัน การมีข้อมูลคุณภาพนั้นสำคัญมากกว่าข้อมูลเชิงปริมาณที่ได้มาเพื่อที่จะทำการวางแผนต่อไปได้ และสามารถต่อยอดจากข้อมูลเชิงคุณภาพนั้นได้มากมาย นอกจากนี้เรื่องคุณภาพนั้นยังหมายถึงการทำงานด้วยว่า การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ สำคัญมากกว่าปริมาณที่ผลิตอีกด้วย เพราะการสร้างเนื้อหาที่มีแต่ปริมาณแต่ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับผู้บริโภคย่อมไม่มีใครสนใจแน่นอน แต่ถ้าคุณเน้นที่คุณภาพออกมา เนื้อหานั้นจะกลายเป็นเนื้อหาที่ผู้บริโภคสนใจอย่างมาก จนอยู่ในกระบวนการของ Customer Journey ออกมา ดังนั้นนักการตลาดที่ทำ Content Strategy ควรเริ่มต้นมองเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณที่ทำออกมา ยิงให้เหมือนสไนเปอร์ที่ยิงเข้าหัวมากกว่าที่จะเป็นปืนกลที่ยิงไม่โดนอะไรเลย

3. ไร้นวัตกรรม : การทำอะไรแบบเดิม ๆ ทั้ง ๆ ที่มันไม่เวิร์คอีกต่อไปแล้ว หรือเทคนิคที่ใช้นั้นเฉย ไม่เหมาะกับเทคโนโลยีปัจจุบันที่คนสนใจกัน ยอกตัวอย่างง่าย ๆ คือการโพสแต่ข้อความในยุคนี้ ที่ไม่ได้ผลเท่ากับการทำ Video อีกต่อไป ดังนั้นการทำกลยุทธ์ Content ที่ดีคือ จะต้องรู้ว่า เนื้อหาตัวเองจะต้องใช้นวัตกรรมแบบไหน เพื่อให้สามารถแสดงผลของเนื้อหาได้ดีที่สุด รวมทั้งคนวางแผนเนื้อหาเหล่านี้ต้องเป็นคนที่หมั่นอัปเดตตัวเองให้ติดตามเทรนด์ในการทำ Content ต่าง ๆ ออกมา รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นมาในยุคนี้ที่รวดเร็วเหลือเกิน ความล้มเหลวในเรื่องนี้ทำให้ Content Marketing ของตัวเองก็ล้มไปตาม ๆ กัน ทางแก้ในเรื่องนี้อีกทางคือการจ้างและสร้างทีมที่สามารถสร้างเนื้อหาต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เหมาะสมกับความสนใจ และเทรนด์ที่เกิดขึ้นได้

4.ไม่วัดผลสิ่งที่เกิดขึ้น : กลยุทธ์ Content จะไม่ประสบความสำเร็จเลย ถ้าไม่มีการวัดผลว่าสิ่งที่ทำไปนั้นได้ผลอย่างไร สิ่งที่คุณต้องทำคือการติดตามการวัดผลต่าง ๆ ผ่านเครื่องมือ Analytics ต่าง ๆออกมา และทำการวิเคราะห์ผลต่าง ๆ เพื่อทำให้เห็นว่า สิ่งที่ทำนั้นได้ผลหรือไม่ได้ผล หรือตรงกับกลยุทธ์ที่วางไว้หรือไม่ เพื่อทำให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อให้ทันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้วย เพราะการวางแผนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้นคนละเรื่องกัน หากคุณไม่มีการวัดผลเลย และปล่อยให้ทำไปจนถึงปลายทาง สถานการณ์เปลี่ยนเช่น เทคโนโลยีเปลี่ยน กลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนไป หรือบริบททางสังคมเปลี่ยน ก็อาจจะทำให้กลยุทธ์ของคุณไม่ได้ผลทันที สิ่งสำคัญคือนักการตลาดต้องเข้าใจวิธีวัดผลต่าง ๆ ว่าเป้าหมายคืออะไร และจัดวัดผลอย่างไรออกมา หรือเนื้อหาแบบไหน ควรจะวัดผลแบบไหน และสุดท้ายอะไรคือจุดชี้วัดว่าสิ่งที่ทำนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก หรือถ้าไม่ประสบความสำเร็จจะได้บทเรียนอะไรกลับมา เพื่อทำให้การวางแผนครั้งหน้านั้นแม่นยำมากขึ้นไปอีก

ที่มา : marketingoops

โดย :
 2964
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การเช็คอันดับเว็บไซต์บน Google หรือที่เรียกว่า การเช็คอันดับ SEO คือ การตรวจสอบว่า เมื่อคนค้นหาข้อมูลด้วย Google เว็บไซต์ของเราปรากฏอยู่อันดับเท่าไหร่ เมื่อเราทำ SEO ไประยะหนึ่ง การเช็คอันดับเว็บตัวเอง เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ เพราะช่วยให้เรารู้ว่า ผลลัพธ์หลังทำเป็นอย่างไร
การโพสขายของออนไลน์ นอกจากรูปภาพสินค้าต้องดูดีแล้ว คนส่วนใหญ่มักคิดว่า มีข้อดีอะไร สรรพคุณวิเศษวิโสอะไร ก็ต้องยัดใส่ลงไปให้หมด
ในปีที่ผ่านมา การก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและการเปิดตัวเครือข่าย 3G ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อแวดวงธุรกิจในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงวงการโฆษณาในประเทศไทย ที่เราจะได้ยินคำว่า “การตลาดออนไลน์ (Online Marketing)” กันมากขึ้น และมีโอกาสได้เห็นแคมเปญโฆษณารูปแบบใหม่ๆ ที่ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็ว และตรงจุดมากขึ้น แล้วในปี 2014 นี้ละ...รูปแบบการตลาดออนไลน์จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน อะไรเป็นสิ่งที่นักการตลาดยุคใหม่ควรหันมาให้ความสนใจและนำไปปรับใช้กับธุรกิจเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์