เทรนด์ธุรกิจ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ใช้ประกอบการวางแผนหรือตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของธุรกิจในอนาคต ฉะนั้นใครที่ใครที่กำลังวางแผนธุรกิจในปีหน้าอยู่ หรือกำลังคิดว่าอยากเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ๆ ลองศึกษา เทรนด์ธุรกิจปี 2018 ดูนะค่ะ เผื่อนำไปประกอบการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม
1.ธุรกิจเพื่อสุขภาพ
เทรนด์ธุรกิจเพื่อสุขภาพถือว่ายังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง จากเทรนด์การรักสุขภาพของผู้บริโภค โดยธุรกิจกลุ่มนี้ครอบคลุมตั้งแต่ด้านเกษตรกรรม ที่เน้นผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์หรือผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค อุตสาหกรรมอาหาร ที่ปรุงอาหารจากวัตถุดิบปลอดสารพิษ ปลอดสารปรุงแต่ง มีแคลอรี่ต่ำ หรือเน้นใช้วัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือธุรกิจบริการ เช่น ฟิสเนสเซ็นเตอร์ เทรนด์เนอร์ สปาเพื่อสุขภาพ เป็นต้น แต่เช่นเดียวกัน เมื่อเทรนด์สุขภาพมาแรง คู่แข่งย่อมมากตามไปด้วย ฉะนั้นหากใครกำลังจะก้าวมาทำธุรกิจเพื่อสุขภาพ ต้องพยายามหาจุดต่างของตัวเองให้เจอ เพื่อทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง โดยต้องไม่ลืมว่าความต่างนั้นต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคด้วย
2.ธุรกิจเพื่อผู้สูงอายุ
โลกของเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ (Aged Society) จากข้อมูลของ United Nations World Population Ageing พบว่า หลังจากปี 2552 ประชากรที่อยู่ในวัยพึ่งพิงได้แก่ เด็กและผู้สูงอายุ จะมีจำนวนมากกว่าประชากรวัยแรงงาน และในปี 2560 จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประชากรเด็กมีน้อยกว่าผู้สูงอายุ!
จากข้อมูลประชากรของประเทศไทยปี 2556 ประชากรไทยมีจำนวน 64.6 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุมากถึง 9.6 ล้านคน คาดว่าในปี 2573 จะมีจำนวนผู้สูงอายุ 17.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 26.3 และปี 2583 จะมีจำนวนถึง 20.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 32.1 (ข้อมูลจากมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ)
จากสถิติดังกล่าว ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง โดยในหลายๆ ปีที่ผ่านมาเราจะเริ่มเห็นธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจคอนโดหรือหมู่บ้านเพื่อผู้สูงอายุ ธุรกิจบริการแบบ Nursing Home การจัดกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุ ธุรกิจอาหารปิ่นโต หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้สูงอายุ เช่น ปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เป็นต้น
3.ธุรกิจที่คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม
ทุกวันนี้ผู้บริโภคเริ่มใส่ใจในสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เป็นผลมาจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ทำให้ภาคธุรกิจต้องหันมาคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง จากในอดีตผู้บริโภคเพียงต้องการซื้อสินค้าหรือบริการเพื่อสนองความต้องการของตนเองเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ผู้บริโภคกลับเริ่มใส่ใจว่าสิ่งที่เขาซื้อนั้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า มีที่ไปที่มาอย่างไร ตรวจสอบได้หรือไม่ เช่น ร้านอาหารที่รับวัตถุดิบจากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เป็นต้น หากธุรกิจสามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ ก็ถือว่าชนะใจผู้บริโภคไปครึ่งหนึ่งแล้ว
4.ธุรกิจที่ขายไอเดีย
ธุรกิจประเภทนี้นับว่ากำลังมาแรงเช่นกัน เพราะปัจจุบันผู้บริโภครุ่นใหม่ ชื่นชอบสินค้าที่มีเอกลักษณ์และแปลกใหม่ รวมทั้งสะท้อนตัวตนของเขาได้ ฉะนั้นธุรกิจที่ขายไอเดียใหม่ๆ ตลอดเวลา จึงสามารถเรียกความสนใจจากผู้บริโภคได้ เช่น ธุรกิจหมอนที่ทำเป็นภาพอาหารไทย Late art 4D สินค้าแฮนด์เมด หรือการใช้ความคิดสร้างสรรค์ต่อยอดธุรกิจเดิมให้แปลกและแตกต่างมากยิ่งขึ้น เช่น ร้านเรื่องของมัน ที่เปลี่ยนจากขนมไข่นกกระทารูปแบบเดิมๆ เป็นไข่นกกระทามันม่วงสอดไส้ชีส เป็นต้น แต่ขณะเดียวกัน แม้ไอเดียของคุณจะดีก็จริง แต่ก็ต้องเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อผู้บริโภค และนำเสนอสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ จึงจะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
5.ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านออนไลน์
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกออนไลน์กำลังมีอิทธิพลกับธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นเริ่มใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นหากธุรกิจอยากเป็นที่รู้จักและขายสินค้าหรือบริการได้ ก็ต้องมุ่งสู่ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการทำแฟนเพจเฟซบุ๊ก การทำเว็บไซต์ IG เป็นต้น แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ภาคธุรกิจขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาด ส่งผลให้ผู้ที่มีความรู้หรือเชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ การเขียน Content ให้ดึงดูดใจ การออกแบบและพัฒนาโปรแกรมหรือเว็บไซต์ กลายเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น ทำให้เทรนด์ในปี 2018 นี้ ธุรกิจที่ให้คำปรึกษาหรือให้บริการด้านออนไลน์มาแรงสุดๆ
ขอบคุณแหล่งที่มา : Amarin Academy