Mobile Payment หรือ “ กระเป๋าเงินดิจิทัล ” คือ การทำธุรกรรมการชำระเงินผ่านเครือข่ายของระบบโทรศัพท์มือถือ โดยใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเป็น ตัวกลางในการชำระค่าสินค้า หรือบริการต่าง ๆ โดยเงื่อนไขในการเปิดใช้บริการ M-Payment นั้นจำเป็นต้องทำการลงทะเบียนขอใช้บริการกับทางผู้ให้บริการก่อน หลังจากนั้นระบบจะทำการเชื่อมโยงบัญชีของเราเข้ากับเบอร์โทรศัพท์ ถือเป็นอันเสร็จสิ้น
ซึ่งรูปแบบของ Mobile Payment ที่มีให้ใช้ในปัจจุบันนั้น แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบหลักๆ ได้ดังนี้
1.ใช้แทนบัตรเครดิต
M-Payment ในรูปแบบนี้ คือใช้งานสมาร์ทโฟนแทนบัตรเครดิต หรือ บัตรเครดิตเสมือน (Virtual Credit Card) ซึ่ง M-Payment รูปแบบนี้สามารถใช้จ่ายเงินได้เหมือนบัตรเครดิตทุกประการ ซึ่งวงเงินที่ใช้ชำระนั้น ทางระบบจะทำการตัดผ่านวงเงินในบัตรเครดิตจริงของเราที่ทางธนาคารเป็นผู้ออกให้ ส่วนการกำหนดวงเงิน ช่วงเวลากำหนดในการจ่ายหนี้ค่าบัตรเครดิต ยังเป็นความรับผิดชอบของธนาคารผู้ออกบัตรเหมือนเดิม
2.Mobile Wallet
M-Wallet คือการนำ “ เงินสด ” ใส่เข้าไปในบัญชีอิเล็คทรอนิคส์บนอินเตอร์เน็ต โดยผ่านวิธีการต่างๆ เช่น ซื้อบัตรเติมเงิน โอนเงินจากบัญชีธนาคาร – บัตรเครดิต จากนั้นค่อยนำมูลค่าเงินในบัญชีไปใช้แทนเงินสด ซึ่ง M-Wallet นี้ยังสามารถใช้แทนบัตรเดบิตได้อีกด้วย โดยจะมีผู้ให้บริการหลักๆ ได้แก่ True Money, AIS mPay, AirPay, PaySocial, Rabbit LINE Pay Mobile Wallet นั้นนับเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับชำระค่าสินค้า บริการ ไม่ว่าจะเป็น จ่ายบิลค่าสาธารณูปโภค การคมนาคม ต่างๆ ที่สะดวกอย่างมากในปัจจุบัน
3.Mobile Banking หรือ PromptPay
จุดเด่น Mobile Banking คือการที่ผู้ใช้มีเงินเก็บอยู่ในบัญชีธนาคารอยู่แล้ว ทำให้การนำเงินเข้าไปในระบบนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก แทบไม่ต้องทำอะไรเลย จึงเป็นเหตุผลให้แอพพลิเคชั่นประเภท Mobile Banking หรือ PromptPay นั้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
4.บัตรจ่ายเงินเฉพาะทาง
Mobile Payment รูปแบบนี้จะมีลักษณะคล้ายกลุ่มที่ 2 คือต้องทำการ “ เติมเงิน ” เป็นเครดิตเก็บไว้ก่อน แต่ M-Payment ประเภทนี้จะสามารถใช้ได้เฉพาะกับร้านค้าสาขาของผู้ให้บริการเท่านั้น ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ Starbucks Card ซึ่งเราสามารถจ่ายเงินซื้อบัตรเติมเงิน แล้วนำมูลค่าของบัตรไปใส่ไว้ในแอพ และเมื่ออยากดื่มกาแฟ Starbucks ก็สามารถจ่ายผ่านแอพได้เลย โดยไม่ต้องใช้เงินสดนั่นเอง
ข้อควรระวังในการใช้บริการ Mobile Payment
หลีกเลี่ยงการตั้ง PIN/Password ที่ง่ายต่อการคาดเดา และต้องเก็บรักษา User ID และ Password ให้เป็นความลับส่วนบุคคล พร้อมทั้งเปลี่ยน Password เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง และไม่ควรละเลย SMS หรืออีเมลที่ได้รับจากธนาคาร และควรตรวจสอบยอดเงินคงเหลือทุกครั้งที่มีการชำระเงิน
ในปัจจุบันสมาร์ทโฟน ได้เข้ามามีบทบาทต่อในชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก ทำให้ระบบ Mobile Payment เหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว
แหล่งที่มา : Branddoodee