13 Mobile Stats Your Competitors Already Know คือชื่อแผนภาพ Infographic ชิ้นล่าสุดของเว็บไซต์ Vizibility.com ซึ่งเรียกความสนใจจากผู้พบเห็นได้มหาศาลเพราะทุกคนอยากตามไปดูว่ามีข้อมูลสถิติในโลกโมบายล์ใดบ้างที่คู่แข่งรู้แต่เรายังไม่รู้
เริ่มต้นด้วยสถิติยอดขายโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตในปีที่แล้ว (2012) การสำรวจพบว่าอุปกรณ์พกพาเหล่านี้ได้รับความนิยมและกลายเป็นกระแสมาแรงจนมียอดขายโดยคิดเป็นสัดส่วนราว 2 ต่อ 1 เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC)
ข้อมูลระบุว่า 79% ของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนนั้นยอมรับว่าสมาร์ทโฟนมีอิทธิพลและมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการซึ่งสุดท้ายจบลงที่การซื้อสินค้ามากถึง 74%
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนยังนิยมใช้การค้นหาเฉพาะที่ (Local Search) ผ่านโทรศัพท์มือถือราว 61% โดย 1 ใน 5 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนนิยมดูรายละเอียดสินค้าผ่านการสแกนบาร์โค้ด
สถิติน่ารู้ข้อ 5 คือผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือไม่เพียงต้องการหาซื้อสินค้าเท่านั้น แต่พบว่าจำนวนไม่น้อยต้องการมองหาการบริการทางวิชาชีพ (Professional Service) อย่างเช่นทนายความที่พบว่าในปี 2012 ที่ผ่านมามีการเสิร์ชหาข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ 21% และแท็บเล็ตอีก 12%
และอย่างที่ทุกคนรู้ดีเว็บไซต์ไม่เป็นมิตร (Unfriendly) หรือเว็บไซต์ที่ไม่รองรับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือจะมีผลต่อความนิยมของแบรนด์โดยผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่พบกับปัญหาเหล่านี้จะไม่ให้ความสนใจและจะไม่มีการแนะนำต่อถึง 57%
ตรงนี้มีการขยายความว่าผู้ใช้งานโทรศัพท์สมาร์ทโฟนกว่า 61% เมื่อต้องพบกับเว็บไซต์ที่ไม่เป็นมิตรจะหันไปหาแบรนด์คู่แข่งหรือเว็บไซต์อื่นทันทีส่วนแบรนด์ที่มีเว็บไซต์เป็นมิตร (Mobile Friendly) ซึ่งใช้งานง่ายและถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่จะสามารถเพิ่มยอดขายได้โดยพบว่าผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ที่เป็นมิตรเหล่านี้ราว 67%
ข้อมูลระบุว่า 72% ของผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตบนมือถือคาดหวังที่จะได้พบกับเว็บไซต์ที่เป็นมิตรต่อการใช้งาน แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่ามีเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
สถิติข้อ 10 คือเป้าหมาย 2 อันดับแรกที่แบรนด์ส่วนใหญ่เลือกใช้วิธีการทำการตลาดผ่านมือถือคือต้องการเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า (Brand Engagement) 72% และเพิ่มยอดการสั่งซื้อสินค้า 56%
ที่น่าสนใจคือ 70% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนติดต่อเพื่อซื้อสินค้าและบริการหลังจากค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตบนมือถือและแบรนด์ที่มีการนำเทคโนโลยี QR Code มาใช้ในนามบัตรจะช่วยเพิ่มยอดสแกนกว่า 3.5 เท่าในระยะเวลา 1 เดือน
ขณะที่นามบัตรบนโทรศัพท์มือถือก็ช่วยดึงดูดความสนใจแบบออฟไลน์ได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะใช้เวลาราว 2 นาทีกับการดูนามบัตรบนมือถือต่างจากการดูผ่านเว็บเพจบนคอมพิวเตอร์ที่ใช้เวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น
Credit : thumbsup