6 ข้ออธิบายความยิ่งใหญ่ของ SEO บนโลกออนไลน์

6 ข้ออธิบายความยิ่งใหญ่ของ SEO บนโลกออนไลน์

 

 

 

       ใครก็รู้ว่าการทำ SEO (Search Engine Optimization) หรือการทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ ของหน้าผลการค้นหาใน Search Engine ยังคงมาแรงไม่ตกและยังคงได้รับความสนใจจากแบรนด์ต่างๆอย่างต่อเนื่อง แต่เว็บไซต์ Bluecaribu.com ได้สำรวจและรวบข้อมูล 10 ข้อที่จะทำให้เรารู้อย่างชัดเจนว่า วันนี้ธุรกิจ SEO เป็นช่องทางทำการตลาดที่ยิ่งใหญ่เพียงใด

  • ทุกวันนี้ มีเว็บไซต์ทั่วโลกที่เผยแพร่และให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ SEO รวมกันมากถึง 863 ล้านเว็บไซต์และมีวิดีโอที่ถูกจัดดัชนีบน YouTube ว่าเกี่ยวข้องกับ SEO ถึง 164,000 รายการ
  • ทุกวินาทียังมีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ SEO ผ่านทาง Search Engine ชื่อดังอย่าง Google จำนวน 3-4 คนหรือคิดเป็นจำนวนกว่า 9.1 ล้านคนในแต่ละเดือนอีกด้วย
  • ส่วนใหญ่ของผู้ที่เสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับ SEO มีอายุเฉลี่ยประมาณ 35-44 ปี ซึ่งต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ SEO Service มากที่สุดเป็นอันดับ 1 (60%) รองลงมาเป็นการค้นหาเกี่ยวกับ SEO Company (49%) และ SEO Tool (33%)
  • ความนิยมของ SEO ก็ไม่หยุดเพียงแค่ใน Search Engine เท่านั้นแต่ยังกระจายไปถึงเครื่อข่ายสังคมออนไลน์อย่าง Twitter ที่พบว่า ในแต่ละเดือนมีการทวิตข้อความเกี่ยวกับ SEO มากถึง 248,000 ข้อความรวมไปถึงปรากฏอยู่ในหัวข้อบน Blog กว่า 13 ล้านบล็อกและหนังสืออีกกว่า 2,629 เล่มภายในเว็บไซต์ Amazon.com อีกด้วย
  • เมื่อลองเปรียบเทียบความยิ่งใหญ่ของ SEO กับการทำการตลาดในรูปแบบอื่นอย่าง Social Media และ PPC              (Pay Per Click) ก็พบว่ากลยุทธ์แบบ SEO ยังคงได้รับความนิยมโดยมียอดเสิร์ชใน Google มากถึง 863 ล้านเว็บไซต์และยังปรากฏอยู่ใน Blog กว่า 106 ล้านบล็อกแซงหน้าทั้ง Social Media และ PPC อย่างเห็นได้ชัด
  • ประเทศที่การสำรวจพบว่ามีความสนใจเกี่ยวกับ SEO สูงที่สุด 10 อันดับของโลกคืออินเดียมาเป็นอันดับที่ 1 ซึ่งมีการค้นหามากที่สุด (100%) รองลงมาเป็นปากีสถาน (79%) ฟิลิปปินส์ (62%) สหรัฐ (36%) แคนาดา (27%) รวมไปถึงอินโดนีเซียอังกฤษเนเธอร์แลนด์ออสเตรเลียและเยอรมันตามมาในอันดับสุดท้าย

 

       นี่เป็นเพียง 6 จาก 10 สถิติที่ Bluecaribu.com รวบรวมไว้เท่านั้นผู้สนใจสามารถชม Infographic ฉบับเต็มได้ด้านล่าง ซึ่งจะสามารถอธิบายได้ว่าคนทั่วโลกเห็นด้วยเรื่องการใช้ SEO เป็นตัวช่วยเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแบรนด์และยังส่งผลไปถึงยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นตามม

 

 

 

 

Credit : thumbsup

โดย :
 1367
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การทำธุรกิจก็ต้องยอมรับความจริงว่า กว่าจะไปถึงเป้าหมายก็จะต้องใช้พลังกายและพลังใจพอสมควร หลายคนเคยฝ่าฟันและช่วยทำให้องค์กรเล็ก ๆ ได้ติดตลาดมาแล้ว แต่สำหรับการเริ่มต้น ธุรกิจ SMEs ต้องดูว่าควรลงทุนอย่างไรเพื่อให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด...
สำหรับคนที่ทำงาน รับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก็คือ การรับฟังความต้องการของผู้ที่มาจ้างเราให้ รับทำเว็บไซต์ ให้เข้าใจชัดเจน
เมื่อเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงในการศึกษาเช่นกัน โดยจะเห็นได้ว่าปีที่ผ่าน ๆ มา สถาบันการศึกษาทั่วโลกต่างพากันลงทุนจำนวนมากกับเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างช่องทางให้ผู้เรียนเข้าถึงหลักสูตรต่าง ๆ มากขึ้น ดังนั้น แน่นอนว่าแนวโน้มการศึกษาในปี 2017 จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี "ประชาชาติธุรกิจ" จึงรวบรวมแนวโน้มการศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ไว้ดังนี้ เยสคอร์ส (YesCourse) ผู้สร้างแพลตฟอร์มการกระจายการศึกษาออนไลน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ให้สถาบันการศึกษาทั่วโลกได้ขายหลักสูตรการศึกษาออนไลน์ของตน โดยปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 3,500 สถาบันการศึกษาระบุว่า ในปีที่ผ่านมาการศึกษาออนไลน์ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการศึกษาอย่างมาก และเป็นตัวเสริมให้การศึกษาแบบดั้งเดิมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนจากทุกที่ แต่ในปี 2017 ระบบการเรียนออนไลน์แบบเสมือนจริง Virtual Reality (VR) จะกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น ซึ่งเราอาจได้เห็นและได้ยิน VR ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ มาแล้ว เช่น การบิน การทหาร และเกม แต่ในอนาคต VR จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา เพราะเป็นเครื่องมือที่จะสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ซึ่งทำให้ผู้ใช้เกิดการรับรู้และตื่นตัวในการเรียนรู้มากขึ้น แนวโน้มต่อมา คือ Cloud Migration หรือการเคลื่อนย้ายฐานข้อมูลต่าง ๆ สู่คลาวด์ ซึ่งสถาบันการศึกษานำข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงระบบไอทีของตนเองสู่ระบบคลาวด์มากขึ้นทุกวัน เพราะเป็นหน่วยจัดเก็บข้อมูลที่ลดความยุ่งยากในการติดตั้ง การดูแลระบบ ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายเอง ซึ่งผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบข้อมูลต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต จัดการบริหารทรัพยากรของระบบ และสามารถแบ่งทรัพยากรร่วมกันได้ง่าย อีกหนึ่งแนวโน้มที่ YesCourse พูดไว้ คือ การวิเคราะห์เชิงทำนาย (Predictive Analytics) และการเรียนเชิงทำนาย (Predictive Learning) ซึ่งในทุก ๆ ครั้งที่ผู้เรียนมีการโต้ตอบกับโปรแกรมการศึกษาออนไลน์ พวกเขาทิ้งรอยดิจิทัลไว้ (Digital Footprint) สิ่งนี้ทำให้สถานศึกษา และครูผู้สอนสามารถใช้ทำนายเพื่อเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้เรียน และสามารถปรับเปลี่ยนหลักสูตรได้ตรงตามความต้องการของผู้เรียนและเหมาะสม นอกจากนั้นยังเป็นข้อดีต่อการเตรียมความพร้อมของสถาบันการศึกษาในการพัฒนาบุคลากร เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง และแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันท่วงที ส่วนเว็บไซต์ Pathway to Financial Success บอกว่า แนวโน้มการศึกษาจะเข้าสู่ยุค The Internet of Things (IoT) เพราะอินเทอร์เน็ตเกี่ยวข้องกับทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์โฟน โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ แท็บเลต สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาเรียนรู้มากขึ้นทุกวัน โดยบริษัทการ์ตเนอร์ (Gartner Inc.) ทำนายว่า ในปี 2020 จะมีอุปกรณ์สิ่งของต่าง ๆ เชื่อมต่อกันไม่ต่ำกว่า 20.8 ล้านล้านชิ้นทั่วโลก ดังนั้น รัฐบาลแห่งประเทศอังกฤษจึงทุ่มงบฯลงทุนด้านการวิจัยและศึกษาด้าน IoT ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา สิ่งที่ผู้เรียนได้รับประโยชน์จาก IoT ได้แก่ ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน (Collaborative Learning), รู้จักการแก้ไขปัญหาโดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem-based Learning), กระตุ้นการเรียนรู้ด้วยตนเองและยั่งยืน (Self-directed Learning), ส่งเสริมเรียนรู้ผ่านพหุประสาทสัมผัส (Multisensory Learning), สร้างความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ (Gender Equality) และสร้างห้องเรียนอัจฉริยะ (Creating Smart Classroom) นอกจากนั้น Real-World Case Studies หรือกรณีศึกษาจากโลกแห่งความจริงจะเข้มข้นมากขึ้นในทุกวิชา เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวผู้เรียน และเห็นภาพได้ชัดเจนกว่าข้อมูลในตำรา กรณีศึกษาในโลกแห่งความจริงยังเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนต้องการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียน ในขณะที่ "บิล เกตส์" นักธุรกิจชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ และเป็นผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลวิเคราะห์ไว้ว่า ค่าใช้จ่ายการศึกษาจะน้อยลงและทุนการวิจัยจะมากขึ้น "เป็นที่รู้กันว่างานวิจัยเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนา และการต่อยอดการศึกษา แต่ที่ผ่านมานักวิจัยหลายคนต่างต้องวิ่งเต้นหาทุนวิจัย และหาการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา โดยผู้เรียนสามารถเรียนได้ฟรีจากระบบการศึกษาที่เรียกว่า MOOCs (Massive Online Open Courses) จึงส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเรียนน้อยลง ผู้เรียนสามารถมีทุนวิจัยของตนเอง" "ขณะเดียวกันสถาบันการศึกษาก็ไม่จำเป็นต้องจ้างผู้สอนจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน ไม่ต้องสร้างห้องเรียนหรืออาคารเรียน เพราะสามารถใช้เทคโนโลยีมาเป็

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์