ปัจจุบันกระแสการทำเงินในโลกอินเตอร์เน็ตได้ขยายตัวไปอย่างมาก เจ้าของเว็บไซต์ต่างๆพยายามหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อ
เพิ่มรายได้ให้แก่เว็บไซต์ของตน นอกจากช่องทางบริการลงโฆษณาในเว็บไซต์แล้ว ยังมีอีกช่องทางหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยม คือ
นายหน้าขายสินค้า (Affiliate Program) ซึ่งช่องทางดังกล่าว ทำให้เกิดรายได้จำนวนมากทั้งแก่ เจ้าของสินค้า และ นายหน้าขายสินค้า ผ่านรูปแบบการตลาดออนไลน์ที่เรียกว่า Affiliate Marketing โดยมีวิธีการคร่าวๆ คือเจ้าของสินค้า จัดเตรียมสื่อโฆษณาออนไลน์ต่างๆ ให้แก่นายหน้าขายสินค้าสำหรับนำไปติดตั้งลงในเว็บไซต์ของตน เพื่อให้ผู้เข้าชมเว็บนั้นเห็นสื่อโฆษณาออนไลน์ของสินค้าและกดเข้าชม เว็บไซต์ของเจ้าของสินค้า และตามข้อตกลง เช่น หากเกิดกระบวนการซื้อสินค้าขึ้น เว็บนายหน้าขายสินค้าจะได้รับค่าตอบแทน (Commission) จากเจ้าของสินค้าตามที่ตกลงกันไว้
ประโยชน์ในแง่มุมเจ้าของสินค้า ถ้าทำการตลาดออนไลน์แบบ Affiliate Marketing จะเสมือนมีบุคคลจำนวนมากมาสมัครเป็นพนักงานขายของบริษัท โดยที่เราไม่ต้องจ่ายเงินเดือน แต่จะจ่ายเพียงผลตอบแทน (Commission) เมื่อพนักงานคนนั้นสร้าง
ยอดขายได้ และต่างจากการลงโฆษณาออนไลน์แบบเสียเงินรายเดือนตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีรายจ่ายที่แน่นอนแต่ยอดขายยังไม่แน่นอน อีกทั้งเจ้าของเว็บไซต์ที่ลงโฆษณายังขาดแรงจูงใจที่จะช่วยหาทางทำให้ยอดขายของเจ้าของสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งหากเป็นข้อตกลงแบบ Affiliate Program เจ้าของเว็บไซต์นั้นจะเกิดแรงจูงใจอย่างมากเพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทน (Commission) ที่สูงจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันเจ้าของสินค้าในเมืองไทย ที่สนใจทำการตลาดออนไลน์แบบ Affiliate Marketing ยังมีไม่มาก ทำให้ตัวเลือกสำหรับนายหน้าขายสินค้าออนไลน์ในประเทศมีน้อยมาก หากผู้ประกอบการรายใดสนใจลงมาทำการตลาดแบบนี้อย่างจริงจังก่อนก็จะได้เปรียบ คู่แข่งเป็นอย่างมาก
1. เพิ่มช่องทางการทำการตลาดออนไลน์แบบกระจาย (Target broader audience) — การทำการตลาดออกไลน์แบบลงโฆษณาตามเว็บไซต์อื่นๆ หรือ การทำลำดับใน Search Engine (SEO) มีผลในกลุ่มเป้าหมายที่จำกัดอยู่ในขอบเขตที่เราดำเนินการ แต่เราสามารถเพิ่มโอกาสในกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้นโดยใช้การตลาดพันธมิตร (Affiliate Marketing) นักการตลาดแบบพันธมิตรรายย่อยจำนวนมากในโลกอินเตอร์เน็ตมีความเชี่ยวชาญการ ทำการตลาดออนไลน์ ดังนั้นเว็บไซต์ของพวกเขามีผลการจัดอันดับที่ดีในผลการค้นหาของ Search Engine เช่น Google, Yahoo บางคนอาจมีเทคนิคพิเศษที่ดี เช่น ใช้ช่องทาง
Google Adword, Email Marketing เป็นต้น ซึ่งเขาเหล่านั้นจะช่วยเราประชาสัมพันธ์ สินค้า/บริการ ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
2. ทำให้เป็นที่รู้จัก (Brand Awareness) — เว็บพันธมิตรส่วนใหญ่มีการนำเอาป้ายโฆษณา (Banner) ของของสินค้าหรือบริการที่จะขายไปวางไว้บนเว็บไซต์ของเขา ซึ่งมีส่วนทำให้ผู้เข้าชมเว็บนั้นเห็นและเกิดการรับรู้ตราสินค้าได้เป็นอย่างดี
3. จ่ายตามผลงาน (Pay for Performance) – เจ้าของสินค้าจ่ายผลตอบแทนเฉพาะแก่นายหน้าผู้ที่ช่วยให้เกิดการขายจริงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การตลาดพันธมิตร (Affiliate Marketing) อีกนัยหนึ่งคือ การลงโฆษณาแบบ ”จ่ายตามผลงาน”
สำหรับบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการทำ Affiliate Program เป็นอย่างมากก็คือ Amazon, Agoda เป็นต้น จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองเคยเป็น Affiliate Partner ให้กับ Agoda ซึ่งสามารถสร้างรายได้เล็กๆ ให้กับ Agoda ประมาณการเป็นตัวเลข
5-6 หลัก/ปี ซึ่ง Agoda นั้นมี Affiliate Partner เป็นจำนวนมากในทั่วโลก หากจะให้ผู้เขียนประเมินรายได้คร่าวๆ จากช่องทาง Affiliate Program ของ Agoda นั้นก็คงไม่ต่ำกว่าตัวเลข 10 หลัก/ปี
Credit : www.bejame.com