คุณเคยซื้อของออนไลน์กันไหมครับ รู้ไหมตอนนี้คนไทยหลายๆ คนก่อนจะซื้อสินค้าอะไร มักจะเริ่มเปิดเว็บไซต์เพื่อเช็คราคาและหาข้อมูลสินค้าที่จะต้องการซื้อกันก่อน และส่วนใหญ่ก็ซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตเช่นเดียวกัน เพราะด้วยมีร้านค้าให้เลือกหลายร้าน ราคาที่มีความหลากหลายและถูกมากกว่าตามร้านค้าทั่วไป รวมถึงข้อมูลของสินค้าที่มีครบถ้วน รวมถึงสามารถเช็ค
ความคิดเห็นของคนอื่นๆ ที่เคยซื้อสินค้าประเภทเดียวกันไปแล้ว ว่าใช้ไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ทำให้การตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้นนั้นๆ ง่ายและสะดวกมากขึ้น ทำให้การซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ของไทยเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกเดือน และเริ่มขยายไปสู่การค้าทางมือถือ (Mobile Commerce) ที่สามารถซื้อสินค้าทางออนไลน์ผ่านทางอุปกรณ์พกพาอย่างมือถือกันได้ง่ายมากขึ้น กว่าจะมาถึงตรงนี้มาย้อนกลับดูการเติบโตของการค้าออนไลน์ของไทยกันว่าเป็นมาอย่างไรบ้าง
เป็นยุคที่การค้าทางออนไลน์ของไทย เริ่มจากการลงประกาศขายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้ลงประกาศขายสินค้าฟรี โดย
ผู้ขายสามารถลงประกาศข้อมูลสินค้าที่ตัวเองต้องการขาย พร้อมทั้งรูปภาพ รายละเอียดและราคา รวมถึงข้อมูลผู้ขาย โดยข้อมูลทั้งหมดจะแสดงอยู่ในเว็บไซต์ โดยมีผู้เข้ามาดูสินค้าจากทั่วประเทศ เพื่อมาเลือกซื้อสินค้า โดยการซื้อสินค้าจะเป็นการตกลงราคากันทางโทรศัพท์ แล้วใช้วิธีการโอนเงินผ่านทางธนาคารกันเป็นส่วนใหญ่ ข้อเสียคือ การค้ารูปแบบนี้จะลงประกาศขายได้ทีละชิ้น ยังเหมาะสำหรับผู้ขายที่ยังไม่จริงจังมากนัก โดยเว็บไซต์ที่ให้บริการการประกาศขายของเช่น ThaiSecondhand.com หรือ Pantip.com
เป็นยุคที่ร้านค้าออนไลน์ของไทยเริ่มต้นเฟื่องฟูมากขึ้น เริ่มต้นมีการเปิดเว็บไซต์ร้านค้าของตนเอง โดยในภายในเว็บไซต์จะมีสินค้าหลายๆ ชิ้นแสดงอยู่ เหมือนกับแค็ตตาล็อกสินค้า ซึ่งหากผู้ที่สนใจจะซื้อสินค้า ต้องโทรคุยกับเจ้าของร้านและทำการโอนเงินผ่านทางธนาคารของเจ้าของร้านโดยตรง หลังจากนั้นก็ต้องแฟกซ์หรือส่งหลักฐานการโอนเงินไปเพื่อยืนยันว่าชำระเงิน แล้ว
หลังจากนั้นเจ้าของร้านก็จะส่งสินค้าไปให้ผู้ซื้อ ในยุคนี้ผู้ขายยังไม่มีการทำการตลาดมากนัก โดยผู้ให้บริการเว็บไซต์ในสมัยนั้นได้แก่ VeloCall.com, MaxSaving และ TARAD.com
เป็นยุคที่เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์พัฒนาขอบขีดความสามารถมากขึ้น โดยรูปแบบจะคล้ายๆ กับแค็ตตาล็อกออนไลน์ แต่จะสามารถชำระเงินผ่านทางเว็บไซต์ได้ทันที เช่นการชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิต ทางธนาคารออนไลน์ (E-Banking) หรือผู้ให้บริการชำระเงินต่างๆ อย่าง Paypal, Paysbuy, mPay ซึ่งทำให้ผู้ซื้อสามารถชำระเงินได้ทันทีผ่านทางเว็บไซต์ และเป็นยุคที่
การส่งสินค้าของทางไปรษณีย์ไทยพัฒนาเพิ่มมากขึ้น โดยสามารถติดตามพัสดุสินค้าที่ส่งผ่านทางออนไลน์ได้ (Tracking System) ยุคนี้เป็นจุดเริ่มต้นการของการค้าออนไลน์เต็มรูปแบบ โดยผู้ให้บริการได้แก่ TARAD.com, Shopping.co.th
ในยุคที่โซเชียลเน็ตเวิร์กเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการติดต่อสื่อสารของคนไทย มือถือและแท็ปเล็ตกลายเป็นช่องทางที่คนไทยใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น และการมาของอินเทอร์เน็ตบนมือถือของ 3G ทำให้พฤติกรรมของคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนไปจากคอมพิวเตอร์มาสู่อุปกรณ์พกพาแทน (Post PC ERA) ซึ่งเช่นเดียวกันกับการซื้อสินค้าออนไลน์ ก็เริ่มเปลี่ยนมาผ่านช่องทางมือถือกันมากขึ้น โดยรูปแบบของเว็บไซต์ที่ขายของออนไลน์เริ่มเพิ่มช่องทางมาเป็นในร้านค้าใน รูปแบบมือถือ
(Mobile Site) หรือเป็นแอพ (App) กันมากขึ้น และโซเชี่ยลเน็ตเวิรก์เข้ามาบทบาทการติดสินใจในการซื้อสินค้ามากขึ้น โดยการค้าในยุคนี้เริ่มมีรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นเช่น ดีลส่วนลดพิเศษ หรือการค้าผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยแนวโน้มของการค้าผ่านช่องทางนี้ กำลังเริ่มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคุณมองกลับไปมองการเติบโตของการค้าออนไลน์ของไทย จะเห็นได้ว่ารูปแบบการค้าขายออนไลน์เติบโตขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง และเริ่มเปลี่ยนรูปแบบและช่องทางไป รวมถึงจำนวนของผู้ประกอบการที่เข้ามาสู่โลกออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในยุคหลังๆ เราจะเริ่มเห็นบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ เริ่มกระโดนเข้ามาสู่การค้าออนไลน์กันมากขึ้น เช่นบรรดาซุปเปอร์มาเก็ต อย่าง ท๊อปซ์ บิ๊กซี แม็คโคร รวมถึงบรรดาห้างสรรพสินค้าต่างๆ อย่าง เซนทรัลและเดอะมอลล์ ใช้ช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางการค้าและเข้าถึงลูกค้าอีกช่องทาง ประกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปช้อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว คุณเองต้องเริ่มกลับมามองธุรกิจของคุณแล้วล่ะครับ ว่าเราจะหาโอกาสนำธุรกิจของคุณเข้าสู่โลกการค้าออนไลน์ได้อย่างไร หรือจะนำธุรกิจของคุณเข้ามาในรูปแบบหรือยุคไหนของการค้าออนไลน์ และหากคุณสงสัยว่าสินค้าหรือบริการของคุณขายผ่านทางออนไลน์ได้ไหม ผมอยากจะบอกว่า ในโลกออนไลน์ตอนนี้มีคนไทยมากกว่า 25 ล้านคนหรือคนทั่วโลกมากกว่า 2 พันล้านคน คนมันเยอะซักขนาดนี้ คุณจะไม่สนใจซักหน่อยเหรอ
Credit : www.pawoot.com