คำถามฮิตสำหรับแบรนด์สินค้า หรือองค์กรต่างๆ ที่ตอนนี้ล้วนมีแฟนเพจเป็นของตัวเองเกือบถ้วนหน้า คือ ทำอย่างไรให้คนกดไลค์แฟนเพจของเราเยอะ ๆ ผมขอแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จัก “เพจ อินไซต์” (Page Insight) เครื่องมือนี้แหละที่ทำให้คุณผู้อ่านรู้จักคนที่เข้ามากดไลค์มากขึ้น เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาในหน้าแฟนเพจให้ตรงกับผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์ของคุณมากยิ่งขึ้น
สำรวจแบรนด์ด้วย People Talking About
อันดับแรกคือ "คนกำลังพูดถึงสิ่งนี้" (People Talking About This) เอาไว้ดูว่ามีคนพูดถึงแบรนด์เราอยู่ที่ยอดไลค์นี้เท่าไหร่ เพราะคนที่มากดไลค์อาจไม่ได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับหน้าแฟนเพจของเราทั้งหมด เช่น ถ้าแบรนด์เรามีคนไลค์ 1,000 คน แต่มี 200 คนกำลังพูดถึงสิ่งนี้ หมายความว่าในจำนวน 1,000 คนมีเพียง 200 คนเท่านั้นที่เข้ามามีส่วนร่วมกับหน้าแฟนเพจของเรา
วัดความสำเร็จของเนื้อหาด้วย Page Post
ใครที่สงสัยว่าเนื้อหาของหน้าแฟนเพจมาถูกทางหรือยัง ในเพจ อินไซต์ หัวข้อที่ชื่อว่า "เพจ โพสต์" (Page Post) จะประมวลผลออกมาเลยว่าแต่ละโพสต์ของเรา ชิ้นไหนเวิร์ค ชิ้นไหนไม่เวิร์ค ชิ้นไหนได้รับความนิยมสูง ชิ้นไหนได้รับความนิยมน้อย แสดงผลออกมาเป็นตัวเลขชัดเจน
เพจ โพสต์ จะอัพเดทข้อมูลทุก 28 วัน เพื่อให้เห็นภาพกว้างของเนื้อหาว่าแบบไหนเวิร์คก็ให้ทำและยึดแนวทางนั้นต่อไป แต่ถ้าแบบไหนไม่เวิร์คก็ปรับเปลี่ยน ในเมื่อมีตัวเลข มีจำนวน มีสถิติให้ดูชัดเจนแล้วก็ต้องนำไปใช้ด้วยนะครับ
วัดกลุ่มเป้าหมายด้วย Total Reach
ดัชนีชี้วัดตัวต่อมาคือ "โททัล รีช" (Total Reach) จะวัดค่าออกมาเลยว่ากลุ่มเป้าหมายที่รับรู้การทำกิจกรรมบนหน้าแฟนเพจของเรามีมากน้อยเท่าไหร่ วัดออกมาทั้งเปอร์เซ็นต์และตัวเลขชัดๆ และจุดสำคัญของฟีเจอร์นี้คือ ทำให้เราทราบด้วยว่ามีจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่เข้าไปที่หน้าแฟนเพจจากแหล่งไหนบ้าง
จริงๆ แล้ว “เพจ อินไซต์” ยังมีข้อมูลให้เราเลือกดูได้อีกเยอะเลยนะครับ เช่น ผู้เข้าชมเป็นเพศใด อาศัยในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด อายุช่วงเท่าไหร่ถึงเท่าไหร่ เข้ามาบ่อยแค่ไหน
เหล่านี้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ควรทราบไว้ว่า ประโยชน์ของ “เพจ อินไซต์” ทำให้รู้ว่าคนที่สนใจแฟนเพจของเรา นอกจากมากดไลค์แล้ว เค้าทำอะไรกับเพจของเราบ้าง สนใจมากน้อยแค่ไหน
ดังนั้น ก่อนที่จะทุ่มงบประมาณกับการดูแลหน้าแฟนเพจ ผมแนะนำให้นักการตลาดทุกท่านลองทดลองเข้าไปดู “เพจ อินไซต์” ก่อน เพราะข้อมูลเบื้องต้นทั้งหลายนั้นเป็นข้อมูลสถิติ ที่เอาไว้ให้นักการตลาดในโลกดิจิทัลยุคใหม่ได้ทราบ ก่อนที่จะไปออกรบจริงจังในสังเวียนโซเชียลเน็ตเวิร์คครับ
Credit : Social Network's Talk
