ในปัจจุบัน การทำ Email Marketingเป็นช่องทางที่สร้างยอดขายได้มากเป็นลำดับต้นๆ ของการทำการตลาดออนไลน์เลยก็ว่าได้ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นหลายเว็บไซต์ชอบมี Pop-up เพื่อการกรอกข้อมูลหน้าเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อหรืออีเมล (แนะนำ: 4 เทคนิคการทำ Lead Genaration) เพื่อที่จะนำข้อมูลไปใช้ในการทำ Email Marketing ต่อไป จะมีวิธีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ
ใช้RFM ในการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการนำข้อมูลที่ได้ มาทำการวิเคราะห์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด RFM ก็เป็นอีกวิธีการที่จะช่วยให้ การทำ Email Marketing ใช้ในการแบ่งกลุ่มลูกค้า (Segmentation) เพื่อให้ทราบว่าลูกค้าจริงๆ ของเราเป็นแบบไหนบ้างและเพื่อทำการส่ง Email ได้ถูกกลุ่ม โดย
R ย่อมาจาก Recency คือ ครั้งสุดท้ายที่ลูกค้าซื้อสินค้าหรือครั้งสุดท้ายที่ทำการคลิกอีเมล
F ย่อมาจาก Frequency คือ ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าไปแล้วกี่ครั้งหรือคลิกแล้วกี่ครั้ง
M ย่อมาจาก Monetary คือ ลูกค้าจ่ายเงินไปเท่าไหร่
ให้ความสำคัญกับเป็นรายบุคคล หรือการทำEmail Personalization
คือการกำหนดข้อความรายบุคคล เช่น การขึ้นต้นจดหมายด้วยชื่อของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราตั้งใจส่งหาเค้าจริงๆ ไม่ใช่แค่ใครก็ได้ที่ได้อีเมลมา หรือแม้แต่การนำข้อมูลที่ลูกค้าเคยใส่สินค้าในตะกร้า แต่ไม่ได้ทำการซื้อมาเป็นเนื้อหาในEmail เพื่อปิดการขาย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งอีเมลฉบับนั้นได้แน่นอนค่ะ
การทำAutomate Email
การสร้าง Email และให้ส่งแบบ Auto ก็เป็นอีกรายละเอียดนึงที่ไม่ควรพลาด เช่น มีอีเมลตอบรับหลังจากการสมัครสมาชิกใหม่ อีเมลสำหรับวันเกิดของลูกค้า เป็นต้น ซึ่งเป็นรายละเอียดในการทำ Email Marketing ที่เราต้องศึกษาว่าแบรนด์ของเรามีลักษณะเป็นแบบไหน ลูกค้าของเราเป็นอย่างไร ถ้าหากแบรนด์ของเราเป็นลักษณะ B2B อาจจะไม่ต้องมีAutomate Email ในลักษณะวันเกิด แต่อาจจะเป็นในรูปแบบพูดถึงประเภทธุรกิจมากขึ้น เป็นต้น เพื่อให้ตรงกับลูกค้าของเราได้มากที่สุดค่ะ
การทำการตลาดในช่องทางนี้ไป ข้อมูลที่เราได้มาจากลูกค้า เรายังสามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อทำประโยชน์กับแบรนด์ได้อีกมากมาย ฉะนั้นเราจึงไม่ควรมองข้ามในการทำ Email Marketing ที่เป็นเครื่องมือการตลาดที่สำคัญในการทำการตลาดออนไลน์เพื่อสร้างยอกขายให้กับธุรกิจของคุณมากขึ้น
ขอบคุณแหล่งที่มา : socialenable