บทความนี้สำหรับคนที่มีความสนใจ และอยากรู้เรื่อง Email Marketing วันนี้เราก็จะมาแนะนำ 9 เคล็ดลับ ทำ Email Marketing ให้ประสบความสำเร็จ เพื่อให้นักธุรกิจสามารถนำทั้งหมดนี้ไปปรับใช้ในการทำการตลาดให้ธุรกิจของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ขั้นตอนแรกสำหรับใครที่อยากจะทำอีเมลมาร์เก็ตติ้งให้ประสบความสำเร็จ สิ่งที่คุณต้องมีก็คือการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่า คุณต้องการทำเพื่ออะไร ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการสร้างยอดขายให้กับสินค้าหรือบริการของเรา คุณก็ต้องเน้นการส่งอีเมลไปยังกลุ่มลูกค้าเก่าๆ ที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการของเรามาแล้ว โดยอาจจะใส่หัวอีเมลให้น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นส่วนลด หรือการลดแลกแจกแถม เป็นต้น จะทำให้ได้ผลที่ดีกว่าการส่งอีเมลแบบหว่านโดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของอีเมลนั้นมีความสนใจในตัวสินค้าหรือบริการของเราจริงๆ หรือไม่ ซึ่งทำให้เสียเวลาเปล่า และไม่คุ้มค่าเลย
สำหรับการส่งอีเมล หากเรามีการจัดสรรแบ่งกลุ่มผู้รับอีเมลออกเป็นหลายๆ กลุ่ม ก็จะช่วยให้การส่งอีเมลของเราสามารถสื่อสารไปถึงผู้รับได้อย่างตรงจุด และตรงกับความต้องการพื้นฐานของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น โดยคุณอาจใช้เกณฑ์ในการแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มอายุ กลุ่มเพศหญิงหรือชาย กลุ่มที่มีประวัติการซื้อ กลุ่มที่มีการตอบรับอีเมล เป็นต้น ซึ่งกลุ่มเหล่านี้บางครั้งเราก็ต้องมีการอัปเดตข้อมูลบ้าง เช่นกลุ่มที่ไม่เคยมีประวัติการซื้อ แต่วันหนึ่งเขาอาจจะมีการซื้อสินค้าของเราก็เป็นได้
เชื่อหรือไม่ว่า การตั้งหัวอีเมลนั้นมีผลให้คนเปิดอีเมลหรือไม่เปิดอีเมลอ่านเป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะว่าหัวอีเมลคือสิ่งแรกที่ผู้รับอีเมลจะมองเห็นและได้อ่านหลังจากได้รับอีเมล เพราะฉะนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการตั้งชื่อหัวข้อหรือหัวอีเมลทุกครั้งเมื่อต้องส่งอีเมล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการทำ E-Mail Marketing ทั้งนี้การตั้งหัวข้ออีเมลควรจะใช้คำที่เข้าใจง่าย สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจน รวมถึงต้องกระตุ้นความสนใจให้คนอยากรู้อยากเห็นและอยากเปิดอ่านได้ด้วย นอกจากนี้ยังไม่ควรใช้ข้อความที่สั้นหรือยาวจนเกินไป หากอยู่ในระหว่าง 28-39 ตัวอักษร ก็จะดีที่สุด
สำนักวิจัยด้านการตลาดอย่าง GetResponse ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คนจะให้ความสนใจเปิดอ่านอีเมลมากที่สุดในแต่ละวัน โดยจะอยู่ในช่วงเวลาระหว่าง 08.00-09.00 น. และอีกช่วงคือ 15.00-16.00 น. โดยเฉพาะวันพุธและวันพฤหัสบดี ดังนั้นผู้ส่งจึงควรจะส่งอีเมลก่อนเวลาดังกล่าวเพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง
เมื่อได้รับอีเมล หลายๆ คนเมื่อเปิดดูก็คงจะสงสัยว่าอีเมลนั้นๆ ส่งมาจากใคร และเพื่ออะไร ดังนั้นบนอีเมลที่คุณส่งก็ควรจะมีการระบุถึงตัวตนของแบรนด์ หรือเจ้าของสินค้าและบริการอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ รวมไปถึงโลโก้ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นแบรนด์ของเราอย่างชัดเจน
นั่นก็เพราะว่า รูปแบบในการใช้งานที่มีความเหมาะสมจะช่วยสนับสนุนและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้รับอีเมลเพิ่มขึ้นได้นั่นเอง
การกระตุ้นการมีส่วนร่วม หรือ Call to action คือสิ่งสำคัญอีกอย่างที่อีเมลทุกฉบับควรมี แต่ก็ต้องแฝงความเป็นธรรมชาติและต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยคคำพูดเพื่อกระตุ้นให้ผู้รับอีเมลรู้สึกอยากมีส่วนร่วมกับเนื้อหาในอีเมล รวมถึงการเลือกใช้ตัวอักษรที่มีความโดดเด่น เช่น ตัวหนา ตัวเอียง หรือตัวอักษรที่มีสีสันตัดกัน ก็ช่วยดึงดูดความสนใจเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ Landing Page ที่มีประสิทธิภาพ จะต้องประกอบด้วยรูปแบบในการนำเสนอที่มีความน่าสนใจ ใช้งานง่าย และมีช่องทางที่ชัดเจนในการกระตุ้นการมีส่วนร่วม นอกจากนี้ Landing Page ยังควรจะต้องมีรูปแบบที่หลากหลายตามแคมเปญในการทำการตลาดที่จะต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ทำไปนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ มีการตอบรับมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่มีการติดตามผล และการเก็บสถิติ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการคลิกอ่านอีเมล จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ อัตราการซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ ฯลฯ ซึ่งเมื่อเราเก็บสถิติครบถ้วนแล้ว ก็นำข้อมูลทั้งหมดไปวิเคราะห์ผลลัพธ์ในการทำการตลาดต่อไปในอนาคตนั่นเอง
ขอบคุณแหล่งที่มา : am2bmarketing