ในโลกของการแข่งขันธุรกิจบนโลกออนไลน์ การทำการตลาดบน Social Media เพียงอย่างเดียวนั้นตอบโจทย์การทำธุรกิจของเราได้จริงหรือ !? ในยุคที่ Social Media เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือการนำสินค้าผลิตภัณฑ์ไปขายตาม E-Commerce Platform สามารถทำได้ง่าย และใช้ต้นทุนน้อยกว่าการทำเว็บไซต์ แต่ให้ผลลัพท์ของจำนวนผู้ใช้งานที่จะเห็นคอนเทนต์ต่างๆ จากเพจของคุณ (Reach) ที่สูงมาก ทำให้ยอดขายสูงขึ้นตามไปด้วย นี่เป็นเหตุผลที่องค์กร/เจ้าของธุรกิจ แม่ค้า และพ่อค้าจะให้ความสำคัญกับ Social Media และละเลยการพัฒนาและอัปเดตข้อมูลบนเว็บไซต์จนล้าสมัย มีแค่ Social Media ก็ดีอยู่แล้วอย่างนี่ ยังไม่พอกับการทำธุรกิจอีกเหรอ ? งั้นเรามาดูกันเลย
3 ข้อหลักๆ โซเชียลมีเดีย ยังไม่ตอบโจทย์ธุรกิจหรือ ?
1.Social Media เสมือนเป็นบ้านเช่า ที่เรากำหนดเองไม่ได้การสร้างบัญชีบน Social Media ต่างๆ เป็นการเช่า มิใช่เจ้าของอย่างแท้จริง หากมองในระยะสั้นแล้วตอนนี้อาจจะมีความสุข สนุกกับการทำธุรกิจ และขายของ แต่ในระยะยาวเราจะเสี่ยงฝากอนาคต ยืมจมูกคนอื่นหายใจ เสี่ยงกับสิ่งที่เราไม่สามารถกำหนดได้ และฝากธุรกิจไว้กับบ้านเช่าหลังนี้จริงๆได้จริงๆหรือ โน้วแนวของ Facebook ซึ่งเป็น Platform ยอดนิยมในการทำธุรกิจ กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง การเข้าถึงเพจ และคอนเทนต์ต่างๆ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
2. การตลาดบน Social Media เป็นการตลาดแบบผลัก (Push Strategy)ถ้าธุรกิจของคุณอยู่บน Social Media แน่นอนว่าสิ่งที่คุณทำคือ การขาย แต่การที่ทำให้คนมาเห็น และซื้อสินค้าของคุณแบบ Organic Reach บนโลกของ Social Media ในยุคปัจจุบันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องพึ่งคือ โฆษณา Paid Reach ซึ่งการโฆษณาบน Social Media นั้นมันจะเป็นการตลาดแบบผลัก ที่จะเข้าไปขัดจังหวะในหน้า feed ของคนอ่าน ข้อดีของการตลาดแบบนี้คือมีราคาค่อนข้างถูก และสามารถใช้สร้างการรับรู้ (Awareness) ของคนในวงกว้างได้ดี แต่ถ้าจะเอาไปใช้ในขั้นตอนของการปิดการขาย อาจจะไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมในระยะยาว
3.บริหารลูกค้าสัมพันธ์ Customer Relationship Management (CRM) ทำได้ง่าย การบริหารลูกค้าสัมพันธ์สามารถทำได้ง่าย และสะดวกรวดเร็ว Social Media ทั้งหลายมีระบบ Direct Message ไว้พูดคุยติดต่อ ซื้อขาย แนะนำ ติชม รวมถึงการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ทำให้ความสัมพันธ์กับลูกค้าแกร่งขึ้น เป็นการโต้ตอบกันโดยที่ลูกค้าไม่ได้รู้สึกว่าถูกบีบบังคับให้ซื้อสินค้า แต่เป็นการคุยกันแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งจะทำให้ทัศนคติของลูกค้าต่อแบรนด์ดียิ่งขึ้น แม้ว่าจะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นใน Social Media เลยก็ตาม ในส่วนของ Facebook นั้นกว่า 90% ของผู้ใช้ Facebook คาดหวังจะเห็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ตนเองใช้มี Fan Page แม้ผู้ใช้จำนวน 25% จะไม่ชอบป่าวประกาศบอกคนอื่นๆ ว่าตนเองชอบหรือใช้ผลิตภัณฑ์อะไร แต่ผู้ใช้จำนวนที่เหลืออีกมากมายพร้อมจะแนะนำหรือแสดงความชื่นชมสินค้าหรือบริการที่ตนเองประทับใจ รวมถึงบอกต่อไปยังเพื่อนๆ หรือคนรู้จักใน Facebook อีกด้วย
การทำ CRM ที่คนพูดถึงในแง่บวกมีหลายหลายแบรนด์ เช่น เพจ KFC,Pizza Company และ Bar B Q Plaza เป็นต้น
4 ข้อหลักๆ ทำไมต้องมีเว็บไซต์ ?
1.เว็บไซต์คือบ้านของเราอยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา ไม่ว่าตอนนี้คุณกำลังมีความสุขกับยอดขาย ยอดคนเห็นการมีเว็บไซต์ก็คือบ้านที่เราสามารถสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม จัดบ้าน หรือจะทำอะไรยังไงก็ได้ เพราะคุณเป็นเจ้าของทุกอย่างคุณเป็นคนกำหนดคุณสามารถออกแบบแต่งเติม สร้างความเป็นตัวตนได้ และที่สำคัญไม่ต้องตามเทรนด์กระแสสังคม
2.เพื่อสร้างโอกาสและพัฒนาการสื่อสารทางธุรกิจ Traffic จาก Search engine อย่าง Google ถ้าเทียบ Traffic ช่องทางอื่นๆ ถือเป็น Traffic ชั้นดี จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราเติบโตมากับ Google อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะทำรายงาน การบ้าน หาข้อมูล หาสิ่งที่คุณกำลังหาอยู่ และคุณก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นที่คุณได้อ่านบทความของเรา
คนใช้ Google เพื่อค้นหาในสิ่งที่ต้องการ เพียงค้นหาสิ่งที่ต้องการ จากนั้นก็คลิกเข้ามา มันเป็นตัวบ่งบอกว่า 1. เขามีความต้องการจริงๆ 2. เว็บไซต์ของคุณน่าดึงดูดเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของเขาได้
ถ้าคุณขาย หรือทำธุรกิจผ่านโซเชียลมีเดีย, ขายผ่าน Platform อื่นๆ หรือขายบนโลกออฟไลน์อยู่แล้ว ลองหันมาทำเว็บไซต์เพื่อตอบโจทย์ Search Engine อย่าง Google ดูนะครับ เพราะการที่ลูกค้าเข้ามาเจอคุณผ่านการ “ค้นหา” นั้น มันเป็นช่องทางที่ทรงพลังที่สุดช่องทางหนึ่งเลยล่ะ
3.เพิ่มความน่าเชื่อถือทางธุรกิจการทำเว็บไซต์ต้องอาศัยพลังงานมากกว่าการขายบนแพลตฟอร์มอื่นๆ หรือการสร้างแอคเคาท์บนโซเชียลมีเดียพอสมควร ถ้าเปรียบเทียบกับโลกออฟไลน์ก็เหมือนกับการที่คุณสร้างร้านเอง กับไปฝากของขายตาม 7-11 หรือ Super Market การสร้างร้านของตัวเองนั้นยุ่งยากกว่ามาก แต่หากคุณมีหน้าร้านเป็นของตัวเองแล้วก็บ่งบอกได้ถึงความพร้อมที่จะบริการ และแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ ลองสังเกตดูบริษัทส่วนใหญ่ก็ต่างให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ด้วยกันทั้งนั้น ระหว่างมีเว็บ กับไม่มีเว็บ ความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์มันคนละระดับกันเลย
4.มีอีเมลในการติดต่อลูกค้าเพื่อความเป็นสากล และยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้านอกจากมีเว็บไซต์แล้ว เรายังสามารถใช้ชื่ออีเมลในนามของเว็บไซต์เราได้ อย่างเช่น NokHook Hub ก็ใช้ support(AT)nokhookhub.com เป็นต้น ใช้ทำการตลาดผ่าน Email เช่น Email แจ้งข่าวสาร โปรโมชั่น หรือส่วนลดพิเศษแก่สมาชิกหรือลูกค้าของบริษัท โดยที่ผู้รับ Email ได้ยินยอมในการรับข่าวสาร หรือติดต่อลูกค้าในเรื่องอื่นๆ
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : nokhookhub