สำหรับการจัดวางเนื้อหาในแต่ละหน้าเว็บ จะต้องมีรูปแบบสำหรับการจัดวางให้มีความน่าสนใจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากเรื่องหนึ่งสำหรับการทำเว็บไซต์สำหรับนักออกแบบ เพราะหากจัดวางส่วนเนื้อหาไม่ถูกต้อง อาจจะทำให้เว็บไซต์สวยๆ กลายเป็นเว็บที่ไม่มีน่าความสนใจเลยก็ได้ นอกจากนี้การจัดวางที่เราออกแบบ อาจจะไม่รองรับกับขนาดหน้าจออื่นๆ เช่น การแสดงผลบนมือถือด้วย
นักออกแบบเว็บไซต์ ส่วนใหญ่จึงหันพึ่งกับ Grid Systems กล่าวคือ เครื่องมือที่ช่วยในการออกเว็บไซต์ได้อย่างมีขอบเขตชัดเจน ซึ่งจะมีการแบ่งเส้น แบ่งสัดส่วน ทำให้เนื้อหาเว็บมีความเรียบร้อย และรองรับกับทุกขนาดหน้าจอ โดย Grid Systems ในปัจจุบันมีเยอะมากมาย แต่เราคัดสรร Grid Systems ที่ยอดนิยมที่สุดมา ดังนี้
1. Simple Grid
Simple Grid ชื่อก็บอกแล้วว่า Simple เป็นเครื่องมือที่มีความเรียบง่ายที่สุด และมีขนาดเล็กด้วย สำหรับใครที่กลัวว่านำ Grid Systems เข้ามาจะทำให้เว็บของเราโหลดหนักขึ้น ลองใช้เครื่องมือ รับรองแทบไม่เห็นผลกระทบ นอกจากนี้รองรับทุกขนาดหน้าจอด้วย ใช้งานง่าย และมีคู่มือการใช้งานที่อ่านเข้าใจง่าย ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Simple Grid
2. Pure
ชื่อนี้การันตีความยอดนิยม เพราะมีขนาดที่เล็ก ใช้งานง่าย และที่สำคัญมี CSS ที่เหมาะกับนักออกแบบ ซึ่งไม่ต้องเสียเวลาสำหรับเขียนเอง เพราะ เครื่องมือนี้มีมาครบ ไม่ว่าจะ Layout แบบไหน ตรงตามที่คุณต้องการแน่นอน ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Pure
3. Flexbox Grid
เครื่องมือถือว่าใช้งานง่ายมาก ซึ่งเราสามารถเปลี่ยน CSS ของเครื่องมือนี้ได้ง่าย ให้เป็นไปตามรูปแบบที่เราต้องการ และมีขนาดเล็กมากๆ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Flexbox Grid
4. Bootstrap
หนึ่งในบรรดา Framework ที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุด ซึ่งรวมทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Font end ซึ่งแน่นอนต้องมี Grid Systems ซึ่งสามารถเรียกใช้งานได้ง่าย และมีรูปแบบ Layout ให้เลือกใช้ได้เลย นักพัฒนาอาจใช้เครื่องมือตัวนี้เพียงตัวเดียว โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องมืออื่นเลย ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Bootstrap
5. Foundation
ขึ้นชื่อว่าเหมาะกับทุกอุปกรณ์แล้ว คงหนีไม่พ้นเจ้าตัวนี้ ซึ่งจัดเป็น Font end framework อีกตัวหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ใช้งานง่าย มี Grid Systems ในรูปแบบที่หลากหลาย และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Foundation
แหล่งข้อมูลอ้างอิง: 5 top grid systems for web designers