โลโก้มีความสำคัญกับแบรนด์ยังไง!!

โลโก้มีความสำคัญกับแบรนด์ยังไง!!

     ทราบหรือไม่ว่ากว่า 80% ของภาพต่างๆ ในสื่อสังคมออนไลน์ที่ปรากฏโลโก้ของบริษัท จะไม่มีการเขียนถึงแบรนด์ดังกล่าวในข้อความอีก ด้วยเหตุผลที่ว่า “ภาพหนึ่งภาพ แทนความหมายได้พันคำพูด” ข้อเท็จจริงนี้ใช้ได้กับการทำโฆษณาบนดิจิทัลที่มุ่งเน้นให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้จากความประทับใจในเรื่องเล่าที่อยู่ในภาพ​

รู้จำ “โลโก้” แค่เห็นก็คุ้นเคยและเข้าใจ
ด้วยความที่ลูกค้ายุคดิจิทัลจะมีความสนใจอะไรในระยะเวลาอันสั้น (ไม่เกิน 8 วินาที) การสื่อสารด้วยข้อความเพื่ออธิบายเกี่ยวกับธุรกิจที่ต้องใช้เวลาอ่านบวกกับเวลาทำความเข้าใจ จะไม่สามารถสร้างการจดจำ และการตระหนักรู้ให้เกิดขึ้นในใจลูกค้าได้ทันที โดยหลังจากที่เครื่องมือการตลาดดิจิทัลอย่าง Social Listening ได้เปิดเผยความลับเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของภาพ และข้อความที่โพสต์ว่าไม่เพียงแต่กระตุ้นให้ผู้ใช้เกิดแอ็กชัน แต่ยังสร้างการจดจำโลโก้ของแบรนด์ได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ลูกค้าสมาธิสั้นให้สามารถจดจำว่าเป็นแบรนด์อะไรได้มากขึ้น​

ลึกซึ้งกว่าการอ่าน คือ การเห็นเรื่องที่เล่า
ภาพโลโก้และข้อความที่ไม่ได้พูดถึงแบรนด์ตรงๆ แต่เป็นภาพที่ช่วยเล่าเรื่องราวสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า มักจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากกว่าภาพที่พูดถึงแบรนด์อย่างชัดเจน เช่น ลูกค้ากำลังทำอะไรกับสินค้าของเรา สินค้าของเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตลูกค้าตอนไหน ที่ไหน และพวกเขาใช้สินค้าของเราอย่างไร เป็นต้น



ลูกค้าจำ “โลโก้” ได้ เท่ากับนึกถึงแบรนด์ได้โดยอัตโนมัติ
       การที่ลูกค้าจำโลโก้ได้จะส่งผลต่อการรำลึกถึงแบรนด์ได้ทันที รวมทั้งยังเข้าใจในเรื่องเล่าเกี่ยวกับสินค้าที่พวกเขายอมรับ ซึ่งเจ้าของธุรกิจสามารถนำการรู้จำโลโก้นี้ช่วยต่อยอดทางธุรกิจได้ถึง 3 ลักษณะ ดังนี้
       1. เพิ่มประสิทธิภาพการเป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมการตลาด คือ การสนับสนุนกิจกรรมอีเว้นต์ต่างๆ โดยเป็นการสร้างภาพที่มีโลโก้ของเราปรากฏอยู่ในลักษณะทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ โดดเด่นแต่ไม่รบกวนเนื้อหาหลักในภาพ โลโก้ควรอยู่ในจุดสำคัญของเรื่องเล่า เช่น ใกล้ๆ กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่อยู่ในภาพหรือบนเสื้อ ข้อสำคัญคือ ภาพต้องเล่าเรื่องได้น่าประทับใจ เพราะจะทำให้ถูกแชร์ออกไปได้มากกว่าภาพที่ไม่ได้บอกอะไรกับคนที่ได้เห็น
       2. เข้าถึงผู้บริโภคด้วยเทคนิคสร้างการรู้จำแบรนด์ คือ การสร้างคอนเทนต์ภาพแสดงกิจกรรมของลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของเรา เช่น ภาพจากทวิตเตอร์ที่แสดงให้เห็นมือของผู้หญิงกำลังถือเครื่องดื่มสตาร์บัคในขณะขับรถไปทำงาน โดยข้อความทวีตไม่มีการพูดถึงแบรนด์ แต่ภาพเป็นตัวเฉลยแบรนด์และโลโก้ที่ต้องการให้ลูกค้าจดจำ ภาพเล่าเรื่องในลักษณะนี้จะได้รับความสนใจมากขึ้นเป็นหลายเท่า เพราะมาจากลูกค้าโดยตรง
       3. สร้างกระแสต่อเนื่องหลังสิ้นสุดแคมเปญ หลังสิ้นสุดแคมเปญหรือกิจกรรมการตลาดต่างๆ แล้ว ควรนำคอนเทนต์ที่ใช้เทคนิคการสร้างการรู้จำโลโก้มาแชร์บนเพจหรือเว็บไซต์ โดยไม่ลืมที่จะทำให้แชร์ง่ายๆ ซึ่งภาพประทับใจในแคมเปญทั้งหมดยังคงคอนเซปต์ที่จะนำเสนอแบรนด์ โลโก้ และสินค้าประกอบเรื่องเล่าเหตุการณ์ในภาพนั้นด้วย​
   
       การสร้างการรู้จำโลโก้ผ่านเรื่องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพ โดยมีสินค้าเป็นองค์ประกอบสำคัญจะทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจในสินค้า หรือบริการได้ทันทีที่เห็นโลโก้ แทนที่จะต้องอ่านสโลแกนหรือข้อความ นอกจากการสร้างภาพในลักษณะนี้แล้ว ธุรกิจควรแชร์ภาพที่ลูกค้าสร้างขึ้นในลักษณะเดียวกันด้วย หากสามารถสร้างและแชร์ภาพออกไปอย่างต่อเนื่อง แค่เห็นโลโก้ลูกค้าก็เข้าใจเรื่องราว ความเป็นตัวตนของธุรกิจ ตลอดจนฉุกคิดที่อยากจะใช้สินค้าหรือบริการของธุรกิจได้ในทันที

ที่มา kasikornbank
โดย :
 1174
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การทำการตลาดผ่านคอนเทนต์ในปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้หลายแบรนด์เลือกที่จะสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ซึ่งการที่จะสร้าง Content ให้ออกมาดีนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของการเขียน หรือการผลิตเนื้อหาที่ดี แต่ต้องผ่านการวางแผน คิด วิเคราะห์ กว่าจะได้มาแต่ละครเทนต์ที่มีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า สร้าง Content Marketing ให้ช้าลง ก็จะได้มาซึ่งประสิทธิภาพของคอนเทนต์นั่นเอง ถึงแม้ว่าวิธีที่คุณกำลังทำอยู่จะแตกต่างจากท้องตลาดทั่วไป แต่ 5 วิธีที่เราได้นำมาฝากในวันนี้จะทำให้การทำคอนเทนต์ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงในการศึกษาเช่นกัน โดยจะเห็นได้ว่าปีที่ผ่าน ๆ มา สถาบันการศึกษาทั่วโลกต่างพากันลงทุนจำนวนมากกับเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างช่องทางให้ผู้เรียนเข้าถึงหลักสูตรต่าง ๆ มากขึ้น ดังนั้น แน่นอนว่าแนวโน้มการศึกษาในปี 2017 จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี "ประชาชาติธุรกิจ" จึงรวบรวมแนวโน้มการศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ไว้ดังนี้ เยสคอร์ส (YesCourse) ผู้สร้างแพลตฟอร์มการกระจายการศึกษาออนไลน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ให้สถาบันการศึกษาทั่วโลกได้ขายหลักสูตรการศึกษาออนไลน์ของตน โดยปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 3,500 สถาบันการศึกษาระบุว่า ในปีที่ผ่านมาการศึกษาออนไลน์ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการศึกษาอย่างมาก และเป็นตัวเสริมให้การศึกษาแบบดั้งเดิมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนจากทุกที่ แต่ในปี 2017 ระบบการเรียนออนไลน์แบบเสมือนจริง Virtual Reality (VR) จะกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น ซึ่งเราอาจได้เห็นและได้ยิน VR ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ มาแล้ว เช่น การบิน การทหาร และเกม แต่ในอนาคต VR จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา เพราะเป็นเครื่องมือที่จะสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ซึ่งทำให้ผู้ใช้เกิดการรับรู้และตื่นตัวในการเรียนรู้มากขึ้น แนวโน้มต่อมา คือ Cloud Migration หรือการเคลื่อนย้ายฐานข้อมูลต่าง ๆ สู่คลาวด์ ซึ่งสถาบันการศึกษานำข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงระบบไอทีของตนเองสู่ระบบคลาวด์มากขึ้นทุกวัน เพราะเป็นหน่วยจัดเก็บข้อมูลที่ลดความยุ่งยากในการติดตั้ง การดูแลระบบ ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายเอง ซึ่งผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบข้อมูลต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต จัดการบริหารทรัพยากรของระบบ และสามารถแบ่งทรัพยากรร่วมกันได้ง่าย อีกหนึ่งแนวโน้มที่ YesCourse พูดไว้ คือ การวิเคราะห์เชิงทำนาย (Predictive Analytics) และการเรียนเชิงทำนาย (Predictive Learning) ซึ่งในทุก ๆ ครั้งที่ผู้เรียนมีการโต้ตอบกับโปรแกรมการศึกษาออนไลน์ พวกเขาทิ้งรอยดิจิทัลไว้ (Digital Footprint) สิ่งนี้ทำให้สถานศึกษา และครูผู้สอนสามารถใช้ทำนายเพื่อเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้เรียน และสามารถปรับเปลี่ยนหลักสูตรได้ตรงตามความต้องการของผู้เรียนและเหมาะสม นอกจากนั้นยังเป็นข้อดีต่อการเตรียมความพร้อมของสถาบันการศึกษาในการพัฒนาบุคลากร เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง และแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันท่วงที ส่วนเว็บไซต์ Pathway to Financial Success บอกว่า แนวโน้มการศึกษาจะเข้าสู่ยุค The Internet of Things (IoT) เพราะอินเทอร์เน็ตเกี่ยวข้องกับทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์โฟน โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ แท็บเลต สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาเรียนรู้มากขึ้นทุกวัน โดยบริษัทการ์ตเนอร์ (Gartner Inc.) ทำนายว่า ในปี 2020 จะมีอุปกรณ์สิ่งของต่าง ๆ เชื่อมต่อกันไม่ต่ำกว่า 20.8 ล้านล้านชิ้นทั่วโลก ดังนั้น รัฐบาลแห่งประเทศอังกฤษจึงทุ่มงบฯลงทุนด้านการวิจัยและศึกษาด้าน IoT ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา สิ่งที่ผู้เรียนได้รับประโยชน์จาก IoT ได้แก่ ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน (Collaborative Learning), รู้จักการแก้ไขปัญหาโดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem-based Learning), กระตุ้นการเรียนรู้ด้วยตนเองและยั่งยืน (Self-directed Learning), ส่งเสริมเรียนรู้ผ่านพหุประสาทสัมผัส (Multisensory Learning), สร้างความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ (Gender Equality) และสร้างห้องเรียนอัจฉริยะ (Creating Smart Classroom) นอกจากนั้น Real-World Case Studies หรือกรณีศึกษาจากโลกแห่งความจริงจะเข้มข้นมากขึ้นในทุกวิชา เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวผู้เรียน และเห็นภาพได้ชัดเจนกว่าข้อมูลในตำรา กรณีศึกษาในโลกแห่งความจริงยังเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนต้องการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียน ในขณะที่ "บิล เกตส์" นักธุรกิจชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ และเป็นผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลวิเคราะห์ไว้ว่า ค่าใช้จ่ายการศึกษาจะน้อยลงและทุนการวิจัยจะมากขึ้น "เป็นที่รู้กันว่างานวิจัยเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนา และการต่อยอดการศึกษา แต่ที่ผ่านมานักวิจัยหลายคนต่างต้องวิ่งเต้นหาทุนวิจัย และหาการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา โดยผู้เรียนสามารถเรียนได้ฟรีจากระบบการศึกษาที่เรียกว่า MOOCs (Massive Online Open Courses) จึงส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเรียนน้อยลง ผู้เรียนสามารถมีทุนวิจัยของตนเอง" "ขณะเดียวกันสถาบันการศึกษาก็ไม่จำเป็นต้องจ้างผู้สอนจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน ไม่ต้องสร้างห้องเรียนหรืออาคารเรียน เพราะสามารถใช้เทคโนโลยีมาเป็
NVIDIA GeForce GTX 1080 จะเป็นการ์ดจออีกรุ่นที่จะมาผลิกประวัติศาสตร์อีกครั้งในตระกูล GeForce family. โดยใช้นวัตกรรมใหม่จาก Pascal GPU architecture

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์