Fab.com เผยสมาชิกทะลุ 10 ล้านคน, ขายสินค้าได้ 5.4 ชิ้นต่อนาที

Fab.com เผยสมาชิกทะลุ 10 ล้านคน, ขายสินค้าได้ 5.4 ชิ้นต่อนาที

 

 

 

ตอกย้ำว่าเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มาแรงแซงโค้งจริงๆสำหรับ Fab.com เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ที่เน้นดีไซน์โดยเฉพาะแต่ลดราคาเกิน 50% ล่าสุด Fab.com เปิดเผยว่าฐานสมาชิกของบริษัทนั้นมีจำนวนมากกว่า 10 ล้านคน เพิ่มจาก 7.5 ล้านคนในเวลาเพียง 3 เดือนโดยสามารถจำหน่ายสินค้าได้เกิน 4.3 ล้านชิ้นตั้งแต่เริ่มให้บริการในเดือนมิถุนายนปี 2011  

 

ตัวเลขสมาชิก 10 ล้านคนนี้เพิ่มจาก 7.5 ล้านคนที่ Fab.com มีในเดือนกันยายนที่ผ่านมาโดยทั้งหมดนี้ Fab.com เปิดเผยในงานประชุมนักลงทุนและพนักงานซึ่งจัดขึ้นเพื่อสรุปผลการดำเนินงานของบริษัทตลอด 18 เดือนที่ผ่านมาซึ่งตัวเลขที่เปิดเผยสะท้อนว่า Fab.com กำลังจะเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ในวงการอีคอมเมิร์ซโลก               

 

หากนำตัวเลขยอดจำหน่ายสินค้ารวม 4.3 ล้านชิ้นในช่วงเวลา 1 ปีครึ่งที่บริษัทเปิดทำการมาจะพบว่า Fab.com สามารถจำหน่ายสินค้าได้เฉลี่ย 5.4 ชิ้นต่อนาทีโดยช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจนคิดเป็นตัวเลขเฉลี่ย 17.5 ชิ้นต่อนาที                        

 แม้ Fab.com จะยังยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเทียบชั้น Amazon ซึ่งสามารถจำหน่ายสินค้ามากกว่า 300 ชิ้นต่อนาที (คำนวณในช่วงที่มีการซื้อขายสูงสุดก่อนเทศกาลคริสต์มาส) แต่อย่างน้อยก็ต้องยอมรับว่า Fab.com คือร้านค้าปลีกออนไลน์ระดับ niche ซึ่งสามารถยืดหยัดได้อย่างมั่นคงในช่วงที่ไม่มีเทศกาลได้อย่างน่าประทับใจ                    

 

Fab.com นั้นไม่ใช่เว็บไซต์เล็กโนเนมในวงการอีคอมเมิร์ช แต่เป็นเว็บไซต์ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนระดับร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยช่วงปีที่ผ่านมาข้อมูลระบุว่าบริษัทได้รับการเพิ่มทุนเป็นมูลค่า 105 ล้านเหรียญสหรัฐฯซึ่งเมื่อประกอบกับทิศทางการดำเนินกิจการที่ดี Fab.com จึงสามารถขยายฐานตลาดใหม่ได้ตลอดเวลา            

 

       สิ่งหนึ่งที่ Fab.com สามารถเรียกคะแนนจากผู้ใช้อย่างมากและมีผลทำให้ยอดจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นั้นคือการยกเลิกระเบียบที่บังคับให้นักช็อปทุกคนต้องลงชื่อใช้งานเว็บไซต์ก่อนจึงจะมีสิทธิซื้อสินค้าได้นอกจากนี้ Fab.com ยังให้ความสนใจกับความหลากหลายของสินค้าโดยข้อมูลระบุว่าจากเดิมที่มีสินค้าเพียง 2,000 ชิ้นในระบบช่วงปลายปี 2011 วันนี้ Fab.com เพิ่มจำนวนสินค้าเป็น 15,000 ชิ้นเป็นที่เรียบร้อย

 

 

 

 

 

Credit : Thumbsup

โดย :
 3102
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตอบลูกค้าที่ Inbox ให้ลูกค้าประทับใจนั้นควรตอบอย่างไร เป็นเรื่องที่แอดมินประจำเพจนั้น ต้องตระหนัก ไม่ว่าผู้ที่ทักเข้ามาในเพจ เป็นลูกค้าหรือยังไม่ใช่ลูกค้านั้น เราก็ควรตอบคำถามให้เหมือนกับว่าเขาเป็นลูกค้าคนนึง เพราะเผื่อในวันใดวันนึง เขาจะหันกลับมาเป็นลูกค้าของเราและอีกอย่างช่องทางนี้จะเป็นช่องทางที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์ได้อย่างรวดเร็วและสร้างความเชื่อมั่นบนโซเชียลมีเดียได้มากขึ้นอีกด้วย
เมื่อเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงในการศึกษาเช่นกัน โดยจะเห็นได้ว่าปีที่ผ่าน ๆ มา สถาบันการศึกษาทั่วโลกต่างพากันลงทุนจำนวนมากกับเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างช่องทางให้ผู้เรียนเข้าถึงหลักสูตรต่าง ๆ มากขึ้น ดังนั้น แน่นอนว่าแนวโน้มการศึกษาในปี 2017 จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี "ประชาชาติธุรกิจ" จึงรวบรวมแนวโน้มการศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ไว้ดังนี้ เยสคอร์ส (YesCourse) ผู้สร้างแพลตฟอร์มการกระจายการศึกษาออนไลน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ให้สถาบันการศึกษาทั่วโลกได้ขายหลักสูตรการศึกษาออนไลน์ของตน โดยปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 3,500 สถาบันการศึกษาระบุว่า ในปีที่ผ่านมาการศึกษาออนไลน์ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการศึกษาอย่างมาก และเป็นตัวเสริมให้การศึกษาแบบดั้งเดิมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนจากทุกที่ แต่ในปี 2017 ระบบการเรียนออนไลน์แบบเสมือนจริง Virtual Reality (VR) จะกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น ซึ่งเราอาจได้เห็นและได้ยิน VR ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ มาแล้ว เช่น การบิน การทหาร และเกม แต่ในอนาคต VR จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา เพราะเป็นเครื่องมือที่จะสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ซึ่งทำให้ผู้ใช้เกิดการรับรู้และตื่นตัวในการเรียนรู้มากขึ้น แนวโน้มต่อมา คือ Cloud Migration หรือการเคลื่อนย้ายฐานข้อมูลต่าง ๆ สู่คลาวด์ ซึ่งสถาบันการศึกษานำข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงระบบไอทีของตนเองสู่ระบบคลาวด์มากขึ้นทุกวัน เพราะเป็นหน่วยจัดเก็บข้อมูลที่ลดความยุ่งยากในการติดตั้ง การดูแลระบบ ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายเอง ซึ่งผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบข้อมูลต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต จัดการบริหารทรัพยากรของระบบ และสามารถแบ่งทรัพยากรร่วมกันได้ง่าย อีกหนึ่งแนวโน้มที่ YesCourse พูดไว้ คือ การวิเคราะห์เชิงทำนาย (Predictive Analytics) และการเรียนเชิงทำนาย (Predictive Learning) ซึ่งในทุก ๆ ครั้งที่ผู้เรียนมีการโต้ตอบกับโปรแกรมการศึกษาออนไลน์ พวกเขาทิ้งรอยดิจิทัลไว้ (Digital Footprint) สิ่งนี้ทำให้สถานศึกษา และครูผู้สอนสามารถใช้ทำนายเพื่อเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้เรียน และสามารถปรับเปลี่ยนหลักสูตรได้ตรงตามความต้องการของผู้เรียนและเหมาะสม นอกจากนั้นยังเป็นข้อดีต่อการเตรียมความพร้อมของสถาบันการศึกษาในการพัฒนาบุคลากร เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง และแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันท่วงที ส่วนเว็บไซต์ Pathway to Financial Success บอกว่า แนวโน้มการศึกษาจะเข้าสู่ยุค The Internet of Things (IoT) เพราะอินเทอร์เน็ตเกี่ยวข้องกับทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์โฟน โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ แท็บเลต สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาเรียนรู้มากขึ้นทุกวัน โดยบริษัทการ์ตเนอร์ (Gartner Inc.) ทำนายว่า ในปี 2020 จะมีอุปกรณ์สิ่งของต่าง ๆ เชื่อมต่อกันไม่ต่ำกว่า 20.8 ล้านล้านชิ้นทั่วโลก ดังนั้น รัฐบาลแห่งประเทศอังกฤษจึงทุ่มงบฯลงทุนด้านการวิจัยและศึกษาด้าน IoT ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา สิ่งที่ผู้เรียนได้รับประโยชน์จาก IoT ได้แก่ ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน (Collaborative Learning), รู้จักการแก้ไขปัญหาโดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem-based Learning), กระตุ้นการเรียนรู้ด้วยตนเองและยั่งยืน (Self-directed Learning), ส่งเสริมเรียนรู้ผ่านพหุประสาทสัมผัส (Multisensory Learning), สร้างความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ (Gender Equality) และสร้างห้องเรียนอัจฉริยะ (Creating Smart Classroom) นอกจากนั้น Real-World Case Studies หรือกรณีศึกษาจากโลกแห่งความจริงจะเข้มข้นมากขึ้นในทุกวิชา เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวผู้เรียน และเห็นภาพได้ชัดเจนกว่าข้อมูลในตำรา กรณีศึกษาในโลกแห่งความจริงยังเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนต้องการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียน ในขณะที่ "บิล เกตส์" นักธุรกิจชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ และเป็นผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลวิเคราะห์ไว้ว่า ค่าใช้จ่ายการศึกษาจะน้อยลงและทุนการวิจัยจะมากขึ้น "เป็นที่รู้กันว่างานวิจัยเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนา และการต่อยอดการศึกษา แต่ที่ผ่านมานักวิจัยหลายคนต่างต้องวิ่งเต้นหาทุนวิจัย และหาการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา โดยผู้เรียนสามารถเรียนได้ฟรีจากระบบการศึกษาที่เรียกว่า MOOCs (Massive Online Open Courses) จึงส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเรียนน้อยลง ผู้เรียนสามารถมีทุนวิจัยของตนเอง" "ขณะเดียวกันสถาบันการศึกษาก็ไม่จำเป็นต้องจ้างผู้สอนจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน ไม่ต้องสร้างห้องเรียนหรืออาคารเรียน เพราะสามารถใช้เทคโนโลยีมาเป็
ยอมรับจริงๆ ว่าในขณะนี้ ใครๆ ก็เป็นแม่ค้า พ่อค้า ออนไลน์ ทาง Facebook กันทั้งนั้น แค่สมัคร User ไม่ถึง5นาที ก็สามารถเปิดร้านขายของได้ง่ายๆโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท แต่ทุกคนจะรู้หรือไม่? ว่ามี Facebook Page อย่างเดียวไม่พอ เราต้องมี Website หลักของร้านค้าด้วย วันนี้ SoGoodWeb ขอแนะนำ 5 เหตุผล ที่ร้านค้าออนไลน์ควรมี Website เป็นของตัวเองมาฝากกันค่ะ

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์