เทคนิคการทำ SEO Voice Search ให้ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยเสียง

เทคนิคการทำ SEO Voice Search ให้ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยเสียง

Voice Search คืออะไร

       Voice Search คือวิธีการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตด้วยคำพูด หรือคำสั่งเสียง จากนั้นระบบการค้นหาจะใช้ AI (Artificial Inteligence) ในการประมวล Keyword เหล่านั้นเพื่อแสดงผลลัพธ์การค้นหา ซึ่งอุปกรณ์ที่เราสามารถใช้ในคำสั่งเสียงในปัจจุบัน จะมีทั้งสมาร์ทโฟนทั่วไป แท็บเล็ต และ อุปกรณ์ผู้ช่วยส่วนตัวของผู้ใช้งาน อย่าง Google Siri และ Alxa เป็นต้น


เทคนิคการทำ
SEO Voice Search

1.อัปเดตเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ที่ทำธุรกิจ (Local Search)

       เนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมใช้ Voice Search สำหรับค้นหาสถานที่ วิธีการเดินทาง หรืออาจถามคำถามสั้น ๆ กับ Google โดยในปัจจุบันปี 2021 การใช้คำสั่งเสียงเพื่อค้นหาร้านค้าต่าง ๆ ในบริเวณใกล้เคียงของผู้บริโภคเติบโตขึ้นมากถึง 3 เท่า โดยคำค้นหายอดนิยมที่ค้นมักใช้กันจะเป็นคำถามเหล่านี้ เช่น

  • ช่วงเวลาเปิดปิดธุรกิจ
  • ร้านอาหาร หรือ คาเฟ่ที่จะไปนั่งได้หรือไม่
  • ค้นหาเบอร์โทรศัพท์
  • ดูแผนที่การเดินทาง
       ดังนั้น การอัปเดตเนื้อหาให้ใหม่ และ ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ แต่สิ่งที่หนึ่งที่ควรคำนึงถึงสำหรับการทำ Voice Search นั่นคือการสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ของธุรกิจกิจ โดยการใช้ Keyword ที่ตรงกับเนื้อหา





2.ทำคอนเทนต์ให้เป็นภาษาพูด (Conversational but Concise Content)

       การใช้ Voice Search จะทำงานได้ดีกับประโยคที่ยาวและเป็นธรรมชาติ ดังนั้น ใช้ประโยคที่แตกต่างจากการพิมพ์เพื่อค้นหาข้อมูลเสมอ ลองเปรียบเทียบความแตกต่างของประโยคที่ใช้เพื่อพิมพ์ค้นหากับประโยคที่เราจะใช้เพื่อค้นหาด้วยเสียง

  • “วิธีทำ Inbound Marketing” กับ “ฉันจะทำ Inbound Marketing ได้ยังไง?
  • “วิธีเปลี่ยนหลอดไฟห้องน้ำ” กับ “ฉันจะเปลี่ยนหลอดไฟห้องน้ำได้อย่างไร”

       ประโยคหลังเป็นวิธีค้นหาแบบ Voice Search ซึ่งมีความแตกต่างจากการพิมพ์เพื่อค้นหาแบบเดิมมาก เห็นได้จากภาษาที่เป็นกันเองกว่า และเน้น Sentences /Long-tail Keyword มากกว่า Keyword ทั่วไป


 


3.อัปเดตเนื้อหาบน Google My Business

การอัปเดตเนื้อหาใหม่  ๆ บน  Google My Business จะช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ และช่วยให้ลูกค้าเกิดการรับรู้แบรนด์ได้ดีขึ้น เนื่องจาก My Business เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Local SEO นั่นเอง





4.พัฒนาเว็บไซต์ให้รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Friendly)
       เนื่องจาก ผู้บริโภคยุคดิจิทัลนิยมใช้ Voice Search ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟน ดังนั้น ผู้พัฒนาเว็บไซต์ และ นักการตลาดจะต้องคำนึงถึงลูกค้าที่ค้นหาผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่าง สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เพื่อให้ง่ายต่อการดาวน์โหลด และมีดีไซน์ตอบโจทย์ต่อการอ่าน ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าพัฒนาไปในเชิงบวก



    5.สร้างคำตอบที่ลูกค้ามักตั้งคำถาม ( Create Frequently Asked Questions)
           Frequently Asked Questions คือฟีเจอร์ที่ Google สร้างขึ้นบนหน้า Search Engine เพื่อให้ผู้ใช้งานหาคำตอบได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และไม่ต้องเข้าไปยังหน้าเว็บไซต์เพื่อไล่อ่านเนื้อหาตามเว็บไซต์ และ หากคอนเทนต์ของเรามีคำตอบที่ชัดเจน ตรงตามที่ผู้ใช้งานนิยมค้นหา จะทำให้เราติดอันดับในฟีเจอร์เหล่านี้ ซึ่งมีข้อดีคือ ผู้ที่สนใจเนื้อหาเพิ่มเติมจะกดลิงก์มายังคอนเทนต์ของเราเพื่ออ่านรายละเอียด


    ขอขอบคุณแหล่งที่มา : stepstraining, magnetolabs

     

    โดย :
     1779
    ผู้เข้าชม

    บทความที่เกี่ยวข้อง

    ร้านค้าเทพๆ ร้านไหนอยากมีโลโก้ร้านเป็นของตัวเองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เราลองมาดู 3 เว็บ สำหรับการออกแบบโลโก้ ที่ทำได้ไม่ยาก แถมยังแจกฟรีอีกด้วย
    พื้นที่ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลเว็บไซต์ทั้งหมด ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ทุกเว็บไซต์จำเป็นต้องมี Hosting สามารถเช่าใช้บริการรายปี ตามขนาดพื้นที่ตามความต้องการในการใช้งานจริงของแต่ละเว็บไซต์ หรือเราเรียกกันง่ายๆว่า พื้นที่ให้บริการฝากข้อมูลเว็บไซต์

    Feature SoGoodWeb

    SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
    LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
    เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
    สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์