ปัจจุบัน Facebook Page ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของช่องทางการตลาดออนไลน์ไปแล้ว สำหรับบางธุรกิจ อาจถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายด้วยซ้ำ และบางร้านค้า ก็มี url ของ Facebook Page บนนามบัตรของร้าน ซึ่งทำให้ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Facebook Page ได้ถูกกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดออนไลน์แล้วโดยปริยายยิ่งผู้ใช้ Facebook ในปัจจุบันมีจำนวนทะลุ 1 พันล้านคนเข้าไปแล้ว ซึ่งเป็นของคนไทยไป 17 ล้านคน โดยคนกรุงเทพจะมีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก (ตามสถิติของ Socialbaker) แต่ถึงจะมีจำนวนผู้ใช้งานมากเท่าไหร่ก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่า ผู้ใช้งานทุกคนจะเข้าใจเรื่องของกลไกการทำงาน การจัดอันดับ หรือแม้แต่การใช้งานเพื่อแสวงหากำไร อะไรบ้าง ที่เป็นความเชื่อแบบผิดๆ เกี่ยวกับ Facebook Page
1. มี 1 ล้านแฟน โพสต์ 1 ข้อความ เห็น 1 ล้านคน
อันนี้เป็นความเข้าใจที่เกิดจากการคิดว่าเมื่อมีคนกดไลค์เพจเราแล้ว ทุกครั้งที่เราเพจโพสต์ข้อความหรือรูปภาพไป โพสต์ดังกล่าวจะขึ้นไปใน newfeed ของคนที่มากดไลค์ ซึ่งจะว่าไปแล้วนั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายๆ แบรนด์พยายามสร้างเพจที่มีคนกดไลค์จำนวนมากเพราะหวังว่าจะกลายเป็นผู้ติดตามข่าวสารนั่นเอง
ข้อเท็จจริง : โพสต์ของเพจนั้นจะขึ้นใน newsfeed ของคนที่มากดไลค์จริง แต่ไม่ใช่ว่าทุกโพสต์จะขึ้นหรือจะปรากฏในทุกครั้งของการใช้งานแต่อย่างใด หากจะอ้างอิงจาก EdgeRank ซึ่งเป็นสูตรของทาง facebook เอง กล่าวกันง่ายๆก็คือ facebook พัฒนาระบบในการคัดเลือกโพสต์ต่างๆ ของทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและจากเพจมาแสดงใน newfeed นั่นเองโดยปัจจุบันตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการคำนวนดังกล่าวคือ 1) ค่าความสัมพันธ์ 2) ค่าน้ำหนักขอคอนเทนต์ 3) ค่าเสื่อมของเวลา ฉะนั้น เมื่อมีการโพสต์ข้อความบนเพจนั้น จึงไม่ได้หมายความว่าทั้งหมด 1 ล้านคนจะเห็นข้อความแต่อย่างใดซึ่งยิ่งในปัจจุบันที่ Facebook พยายามสร้างรายได้จากการโฆษณาแล้ว จึงไม่แปลกที่ระยะหลังนั้นจะมีการรายงานจากหลายๆเพจว่าจำนวน Reach ของแต่ละโพสต์นั้นตกลงอย่าง
ต่อเนื่องซึ่งก็ไม่น่าจะแปลกใจอะไรเพราะ Facebook พยายามบีบให้แบรนด์ต่างๆ ทำการซื้อโฆษณาของ Facebook ในการโปรโมตคอนเทนต์อย่างเช่น Sponsor Story หรือ Promote Post นั่นเอง
2. คนกดไลค์แสดงว่าชอบแบรนด์
ด้วยความหมายของ Like เลยทำให้คนตีความโดยปริยายว่าการที่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมีคนไลค์เยอะ แสดงว่าแบรนด์นั้นเป็นแบรนด์ที่มีคนชื่นชมเป็นแน่
ข้อเท็จจริง : ในความเป็นจริงแล้ว การกดไลค์เปรียบเสมือนการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวเพจกับผู้ใช้งานมากกว่าโดยความ “ชื่นชอบ” เป็นหนึ่งในรูปแบบความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เพราะถ้าเรามองไปยังที่มาของไลค์แล้ว เราอาจจะพบว่าไลค์จำนวนมากของหลายๆ เพจเกิดขึ้นเพราะกิจกรรมล่ารางวัล แจกของ ที่คนต้องกดไลค์เพราะเป็นเงื่อนไขในการทำกิจกรรม บ้างก็เป็นการกดไลค์เพื่อเล่น Application ที่บางทีอาจจะไม่เกี่ยวกับแบรนด์เลยก็ได้ ฉะนั้นในความจริงแล้ว การบอกว่ามีคนกดไลค์แปลว่ามีคนชื่นชอบทั้งหมดนั้นอาจจะเป็นการกล่าวเกินจริงอยู่บ้างเสียหน่อย (สำหรับบางเพจ) หากจะตีความว่าการกดไลค์แปลว่าเพจนั้นมีการสร้างความสัมพันธ์กับแฟนจำนวนกี่คนแล้วน่าจะถูกต้องกว่าและก็ต้องไม่ลืมว่า หลายเพจนั้น มีคนกดไลค์เพื่อที่จะต้องการเข้ามา
คอมเมนต์ในเชิงวิพากษ์วิจารณ์จนถึงขนาดต่อว่าแบรนด์ด้วยเช่นกัน
3. การ Add to Interest List จะทำให้ทุกโพสต์ขึ้นใน Newsfeed
หลังจากที่มีข่าวออกไปว่า Facebook ปรับให้โพสต์ถูกแสดงแค่ 10% ของจำนวนแฟน ก็ทำให้มีการบอกวิธีการต่อว่า ถ้าทำการ Add to interest list แล้ว จะทำให้ทุกโพสต์ของเพจนั้นปรากฏอยู่ที่ newsfeed โดยที่ผู้ใช้ไม่พลาดในการรับข้อความจากเพจ
ข้อเท็จจริง : การ Add to interest list นั้นไม่เชิงว่าจะทำให้ทุกโพสต์ไปปรากฏใน newsfeed หากแต่เป็นการทำ Page bookmark โดยจัดเป็นกรุ๊ปรวมกันโดยแบ่งตามความสนใจของผู้ใช้แต่ละคน เช่นถ้าคนสนใจเรื่องกล้อง ก็สามารถสร้างลิสต์เพจหรือบุคคลที่มีการโพสต์ภาพสวยๆ หรือเทคนิคการถ่ายรูป แล้วจัดกรุ๊ปรวมกันเรียกว่า List โดยที่จะปรากฏอยู่ที่แถบด้านซ้ายมือของหน้าจอ Facebook จากนั้นผู้ใช้งานก็สามารถกดเลือกที่ลิสต์นี้เพื่อดูทุกโพสต์ของแต่ละแหล่งที่ทำการจัดกรุ๊ปรวมไว้เรียงตามลำดับเวลาฉะนั้น ในความจริงแล้ว การ Add to interest list ก็อาจจะมีส่วนช่วยสำหรับคนที่ไม่อยากพลาดโพสต์ของเพจต่างๆ ที่ตัวเองสนใจโดยทำการจัดกลุ่มไว้ด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ไม่ได้คลิกไปดูที่ลิสต์นั้นๆ แล้ว ตัว newsfeed ก็จะยังแสดงผลเหมือนเดิม เพราะการ Add to interest list นั้นไม่ได้มีผลต่อ EdgeRank แต่อย่างใดเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว Interest List เองก็อาจจะไม่มีประโยชน์ใดๆเลยหากผู้ใช้ไม่ได้ทำการกดเข้ามาดูลิสต์ดังกล่าวแถมหลายคนอาจจะสงสัยกันต่อว่ามันจะต่างอะไรจากการให้ผู้ใช้เข้าไปดูที่หน้าเพจของแบรนด์โดยตรง(แต่จริงๆ ก็อาจจะต่างอยู่บ้าง เพราะใน Interest List หนึ่งนั้นอาจจะสามารถรวบรวมหลายๆ เพจเข้าด้วยกันก็ได้)
ความเชื่อที่ผิดๆ เกี่ยวกับ Facebook ยังมีอีกหลายอย่างนะคะ ซึ่งวันนี้เราอาจจะเข้าใจถูกต้องแล้ว แต่อีก 3 วัน เราอาจเข้าใจผิดไปแล้วก็ได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและนี่คือเหตุผลนึงที่ทำให้ทุกธุรกิจออนไลน์ จำเป็นต้องมีเว็บไซต์ที่
เปรียบเสมือนบ้านของตัวเองเพื่อให้ผู้บริโภคได้ค้นหาข้อมูลของสินค้าหรือบริการซึ่งเราสามารถควบคุมหรือปรับเปลี่ยนกฎระเบียบได้เอง และนำเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเราไปประชาสัมพันธ์บน Social Media รูปแบบต่างๆได้นั่นเองค่ะ
Credit : www.obvoc.com
By : www.SoGoodWeb.com