Mockup-less Web Design การทำเว็บแบบไม่ต้อง Mockup ใน Photoshop !

Mockup-less Web Design การทำเว็บแบบไม่ต้อง Mockup ใน Photoshop !

MOCKUP-LESS DESIGN คืออะไร

     ขั้นตอนในการทำเว็บไซต์ให้ลูกค้า ปกติจะเริ่มจากการดีไซน์ใน Photoshop -> ส่งให้ลูกค้าเช็ค -> แก้ไขจนพอใจ -> แปลง Photoshop เป็น HTML & CSS -> จบด้วยเขียนระบบ PHP หรือทำธีมใส่ CMS หรืออะไรก็ว่าไป ซึ่งตัวดีไซน์ที่ทำใน Photoshop ที่เราส่งให้ลูกค้าดู มีชื่อเรียกว่า Mockup 

Mockup-less Design เป็นการเริ่มต้นทำเว็บไซต์โดยไม่ต้องดีไซน์ใน Photoshop ก่อน แต่เราร่างเว็บไซต์แบบคร่าว ๆ ด้วย HTML & CSS แล้วส่งให้ลูกค้าเทสบนบราวเซอร์ได้เลย ซึ่งมีข้อดีที่น่าสนใจหลายอย่างมาก

ลิสต์ก่อนว่าเว็บไซต์เราต้องการสื่ออะไรบ้าง

     ก่อนจะเริ่มทำ Mockup ส่งให้ลูกค้าดูได้ เราต้องเริ่มเก็บข้อมูลจากลูกค้าก่อน ดูว่าลูกค้าต้องการสื่ออะไร ต้องการให้คนที่เข้ามารู้อะไรบ้าง เพราะการทำเว็บไซต์ไม่ใช่แค่งานศิลปะที่จะทำให้สวย ๆ อาร์ต ๆ ก็พอ จุดประสงค์หลักของเว็บไซต์คือการ “นำเสนอข้อมูล” ต่างหาก หลังจากพูดคุยกับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มลิสต์ได้เลยว่าแต่ละหน้าต้องมีอะไรบ้าง เช่น หน้าแรก ต้องสื่อได้ว่าองค์กรเราทำอะไร ต้องมีเมนู มีส่วนของสมาชิก มีปฏิทินกิจกรรม มีลิสต์บทความน่าอ่าน เป็นต้น

เริ่มร่าง MOCKUP ด้วย HTML

     หลังจากลิสต์สิ่งที่เราต้องการในหน้าเว็บมาครบแล้ว ก็ได้เวลานำมันมาจัดเรียงบนหน้าเว็บ ซึ่งการขยับเนื้อหาก้อนนู้นก้อนนี้ไปมาใน Photoshop นี่ค่อนข้างลำบาก แต่ถ้าเป็น HTML & CSS สามารถแก้ไขโค้ดนิดหน่อยก็พอแล้ว เริ่มต้นโดยจัดเรียงเนื้อหาด้วยแท็ก HTML5 ที่เป็น Semantics ต่าง ๆ  แล้วจัดตำแหน่ง + ตกแต่งส่วนต่าง ๆ ด้วย CSS แบบง่าย ๆ

     สำหรับเทคนิคในการตัดสินใจวางอะไรไว้ตรงไหน บริษัทนั้นเค้าแนะนำให้ใช้การคิดแบบ Mobile-First คือการเริ่มทำดีไซน์สำหรับมือถือก่อน โดยเริ่มคิดว่าในหน้าจอมือถือที่เว็บไซต์เราจะเล็กลงหลายเท่า สิ่งไหนที่สำคัญควรใส่ไว้ในจุดที่เข้าถึงได้ง่าย และสิ่งไหนสำคัญรองลงมาก็นำไปใส่ในจุดอื่น ๆ

     หลังจากดีไซน์โดยทำตามหลัก Mobile-First แล้ว ค่อยมาดีไซน์สำหรับเว็บไซต์หน้าจอใหญ่ ซึ่งเราสามารถเพิ่มส่วนอื่น ๆ ให้เหมาะกับการใช้งานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องแก้จากดีไซน์ตอนแรกเยอะเพราะเราสิ่งที่สำคัญเราได้ใส่ไปเรียบร้อยแล้ว

     สำหรับการทำ Layout ในขั้นตอนนี้ แนะนำให้ใช้พวก CSS Framework เข้ามาช่วย หรือจะเขียน Framework ขึ้นมาใช้เองก็ได้ ซึ่งความสามาารถสำคัญที่เราจะนำมาใช้คือ Grid ที่ใช้เพื่อวางเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ (Framework ที่แอดมินเคยใช้ และแนะนำให้ใช้ คือ Twitter Bootstrap หรือ ZURB Foundation)

     มาถึงตอนนี้เราจะได้ Mockup ที่เป็น HTML & CSS ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อลูกค้าโอเคกับดีไซน์เมื่อไร เราสามารถนำไปเขียนต่อยอดเป็นเว็บไซต์จริงได้เลย

ถึงเวลาแต่งหน้าให้ MOCKUP

     ตอนนี้ Mockup ของเราจะเป็นเพียงหน้าขาว ๆ ที่จัดเรียงเนื้อหาเรียบร้อย ไม่มีการใส่ลวดลายสีสัน ซึ่งการตกแต่งสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการจับภาพหน้าจอของ Mockup แล้วโยนเข้าไปใน Photoshop เพื่อทำการตกแต่ง/สร้างกราฟฟิก จากนั้นเซฟรูปออกมาใส่ใน Mockup ของเราอีกที

     การทำ Mockup เป็น HTML & CSS ก่อนจะทำให้เรารู้ขนาดของกราฟฟิกที่ต้องการแน่นอน ช่วยลดปัญหาดีไซเนอร์ทำกราฟฟิกขนาดแปลก ๆ มาได้อย่างดี

     นอกจากนั้นยังช่วยลดเวลาที่เราต้องขยับส่วนต่าง ๆ ใน Photoshop ทีละ 1 pixel เพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด การใช้ Mockupless Design เราสามารถแก้โค้ดเพื่อดูผลลัพธ์บนบราวเซอร์จริงได้เลยด้วยเครื่องมือในบราวเซอร์ เช่น Firebug / Chrome Developer Tools

การส่งงานให้ลูกค้าจะลำบากขึ้นมั้ย?

     การส่ง Mockup แบบ HTML & CSS ให้ลูกค้าดูนี่ง่ายยิ่งกว่าการแนบรูปไปในอีเมลอีก เราแค่อัพโหลดลงโฮสต์แล้วแนบ URL ไปให้ลูกค้าดูบนบราวเซอร์ได้เลย

     เทคนิคในการอัพโหลด Mockup แต่ละครั้ง คือ ตั้งชื่อโฟลเดอร์ /v1 ตามไปด้วย เช่น www.designil.com/projects/v1 สำหรับเวอร์ชันแรก พอลูกค้าให้ความคิดเห็นมา เราก็แก้ไขแล้วอัพโหลดเข้าไปในโฟลเดอร์ /v2 /v3 /v4 … แบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนลูกค้าพอใจ

     ข้อดีของวิธีนี้คือเราและลูกค้าสามารถกลับไปเช็คง่ายได้ว่าแต่ละเวอร์ชันเป็นแบบไหน ถ้าลูกค้าบอกว่าชอบส่วนไหนของเวอร์ชันไหนมากกว่า เราก็เข้าไปก็อปโค้ดมาแปะใช้ได้เลย

แบบนี้จะทำให้ใช้เวลา MOCKUP นานขึ้นมั้ย?

     ถามว่าถ้าลูกค้าไม่ชอบ Mockup แม้แต่นิดเดียว เราก็ต้องไปเขียนใหม่หมดใช่มั้ย? ใช่ แต่เหตุการณ์นี้ก็เกิดได้กับการทำ Mockup ด้วย Photoshop เหมือนกัน ถ้าลูกค้าไม่ชอบเราก็ต้องทำใหม่หมด หลายคนอาจบอกว่าการทำใหม่ใน Photoshop ง่ายกว่า อันนี้อย่าลืมว่าการทำ HTML & CSS เดี๋ยวนี้ก็มีเครื่องมือช่วยขึ้นเว็บมากมาย รวมถึง LESS CSS ที่ผมเคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ด้วย

     เมื่อลูกค้าโอเคแล้ว แต่ยังต้องการแก้ไขเล็กน้อย การแก้ไขส่วนต่าง ๆ ใน HTML & CSS ก็ทำได้ไม่ยาก เช่น เปลี่ยนสีฟ้อนต์ หรือเปลี่ยนฟ้อนต์ของ Header ทั้งหมด การแก้โค้ดจะเร็วกว่าการแก้ใน Photoshop แน่นอน

     บริษัทผู้เขียนบทความหลังจากที่ได้ใช้วิธีนี้กับลูกค้า ก็พบว่าใช้เวลาในขั้นตอนการทำ Mockup เพิ่มอีกประมาณ 35% แต่ลดเวลาในขั้นตอนการเขียน HTML & CSS ของเว็บจริงได้มากถึง 50% ซึ่งถือว่าใช้เวลาได้คุ้มค่า และได้กำไรกว่าแบบเดิมมาก

การ DESIGN = การ CODE = การ DESIGN

     วิธีนี้จะทำให้ดีไซเนอร์กับโปรแกรมเมอร์ได้มานั่งทำงานร่วมกันมากขึ้น เพราะการทำดีไซน์ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการให้ดีไซเนอร์นั่งเทียนต่อสู้กับ Photoshop อยู่คนเดียว แต่เริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับโปรแกรมเมอร์ว่าอยากให้เว็บออกมารูปแบบไหน ระหว่างการพูดคุยยังช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนทัศนคติกันระหว่างโปรแกรมเมอร์กับดีไซเนอร์ ทำให้สองอาชีพนี้เข้าใจกันมากขึ้นด้วย

     อย่างไรก็ตาม บางครั้งอาจเจอปัญหาคนหลายคนแย่งกันแก้ไฟล์เดียวกัน ซึ่งในกรณีนี้ให้ใช้ Git ซึ่งเป็นระบบการเก็บเวอร์ชันของไฟล์ไว้หลายเวอร์ชัน + รวมไฟล์ที่หลายคนแย่งกันเขียน ซึ่งลดปัญหาคนนี้เซฟทับคนนั้นได้มาก

รออะไรอยู่? ลองนำเทคนิคนี้ไปใช้กันเลย

โดย :
 3506
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การที่จะสร้างพัฒนาเว็บเพจและนำเว็บไซต์เข้าสู่ระบบเวิลด์ ไวด์ เว็บ ให้คนอื่นเข้ามาเยี่ยมชมได้นั้น มีกระบวนการที่ผู้พัฒนาเว็บไซต์จะต้องศึกษาและปฏิบัติตาม
ก่อนจะเป็นเสี่ยออนไลน์ หรือนักธุรกิจออนไลน์ กลับมาดูรายการเหล่านี้กันก่อนว่า ร้านออนไลน์ของเพื่อนสมาชิกได้ถูกปูทาง สู่เส้นทาง “รวยออนไลน์” และเข้าหลักการ การพัฒนาเว็บไซค์ไว้มากน้อยแค่ไหน
ซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ HiringSolved ได้ทำการรวบรวมข้อมูลจาก Profile คนกว่า 10,000 ราย บนโลกโซเซียล เพื่อพิจารณาและเก็บข้อมูลว่า ทักษะไอทีใดที่ถูกว่าจ้างหรือเลื่อนตำแหน่งมากที่สุด “10 ทักษะไอที” ที่กำลังเป็นที่ต้องการจากนายจ้างมากที่สุดในปี 2017

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์