เทคนิคการสร้างความสำเร็จของผู้ประกอบการในยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์

เทคนิคการสร้างความสำเร็จของผู้ประกอบการในยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์

   

หัวใจสำคัญของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ก็คือ แนวคิดหรือแนวปฏิบัติที่สร้างหรือเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากนัก ทว่าเพิ่มเติมและประยุกต์แนวคิดใหม่ ๆ องค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม พัฒนาต่อยอดไปสู่แนวทางที่สร้างสรรค์ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้ถูกจริตกับรสนิยมที่เปลี่ยนแปลงและไม่หยุดนิ่งของผู้บริโภค สร้างโอกาสการแข่งขันทางธุรกิจได้ไม่แพ้การแข่งขันด้านราคาดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา

         ผู้ประกอบการในยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์จึงต้องเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบนี้ให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ เปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็นสินค้าและบริการ ต่อยอดไปสู่การจ้างงาน สร้างรายได้ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งการจะเป็นผู้ประกอบการนักสร้างสรรค์ที่ประสบความสำเร็จนั้น นักคิดนักเขียนนาม John Howkins เจ้าของผลงาน The Creative Economy: How People Make Money From Ideas ได้นิยามคุณสมบัติพื้นฐานของผู้ประกอบการไว้ 11 ประการ ดังนี้

          1. สร้างเอกลักษณ์ แสดงตัวตน ค้นหา ดึงความสามารถพิเศษ และศักยภาพเฉพาะตัวออกมาให้โลกเห็น สร้าง brand ให้ตัวเอง บริหารจัดการให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และมีความชัดเจนกับสิ่งที่เป็น

          2. ให้ความสำคัญกับความคิดนอกเหนือจากข้อมูล ขยายขอบเขตจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ไม่ยึดติดกับกรอบความคิดแบบเดิม ๆ เปิดใจและความคิดให้กว้าง ศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องของสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา กล้าคิด กล้าทำ แทนที่จะมัวกังวลกับการสูญเสียเม็ดเงินไปกับการลงทุน จนสูญเสียโอกาสเติบโตทางธุรกิจไปอย่างน่าเสียดาย

          3. ไม่หยุดนิ่ง คนที่ไม่ชอบหยุดนิ่งกับสถานะเดิม ๆ จะสามารถเลือกแนวทางและเป้าหมายได้ด้วยตัวเอง การไม่หยุดนิ่งไม่ได้หมายถึงการมุ่งหน้าไปโดยลำพังแบบไม่เอาใครเลย แต่ยังต้องสามารถก้าวเดินไปพร้อมกับทีมได้ ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องรวมเอาอุปนิสัย 2 อย่างไว้ในคน ๆ เดียวกันคือ “รักที่จะเข้าสังคม” กับ “ความสามารถในการอยู่แบบสันโดษ” เพราะการสร้างสรรค์จำเป็นต้องมีความสามารถที่จะคิดเพียงลำพัง แต่ขณะเดียวกันก็สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

          4. กำหนดทิศทางบนความเป็นตัวของตัวเอง หยุดตีกรอบให้กับตัวเองด้วยงานที่ถูกมอบหมายโดยคนอื่น เพราะนักคิดคือคนที่พยายามขายทางออกสำหรับธุรกิจให้กับลูกค้า มองเห็นโอกาสล่วงหน้าได้ก่อนใคร ในระบบของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทุกคนสามารถคิดบนพื้นฐานของแต่ละปัจเจกบุคคล พร้อมแลกเปลี่ยนทางออกที่สร้างสรรค์ไปสู่ผู้อื่นได้

          5. เรียนรู้ต่อเนื่อง ไม่มีที่สิ้นสุดที่มาของความรู้อาจได้มาจากการหยิบยืมไอเดียต่าง ๆ มาผสมผสาน หรือคิดค้นใหม่ขึ้นมาเอง บางครั้งความคิดใหม่ก็เกิดขึ้นเมื่อนำความคิดเก่า ๆ 2 ความคิดมารวมกัน ควรยอมรับความเสี่ยงและยอมทำในสิ่งที่ไม่เคยมีโอกาสได้ทำเสียบ้าง เพราะการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็อาจนำมาซึ่งการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างน่าสนใจ

          6. ใช้ประโยชน์จากชื่อเสียง ความโด่งดัง ความมีชื่อเสียงนั้นเรียกได้ว่าเป็นต้นทุนที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย นำมาซึ่งค่าตอบแทนทางอ้อมที่ไม่มีวันหมด ในรูปของความสามารถในการเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการได้สูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยเติมความมีชีวิตชีวาและเติมไฟให้กับการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี

          7. ปฏิบัติต่อสิ่งเสมือนจริงให้เป็นจริง เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยี ให้คุณค่า และดึงประโยชน์จากเทคโนโลยีมาต่อยอดสร้างสรรค์ธุรกิจให้ก้าวสู่เป้าหมายของความสำเร็จให้จงได้

          8. พื้นฐานจิตใจที่ดี มีเมตตา เชื่อหรือไม่ว่าความเมตตากรุณาอาจเป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ ในรูปแบบที่เรียกว่า “ความรับผิดชอบต่อสังคม” พื้นฐานจิตใจที่ดี นึกถึงผู้คนรอบข้างให้มากขึ้น ส่งต่อความรู้สึกและปฏิบัติที่ดีถึงผู้อื่น สามารถสร้างเครือข่าย สร้างความเชื่อมั่น สร้างผลตอบรับในเชิงบวก นำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้อีกมากมาย

          9. ชื่นชมความสำเร็จอย่างเปิดเผย นักสร้างสรรค์ที่ดีต้องชื่นชมความสำเร็จของตนเองอยู่เสมอ ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือจัดการกับความล้มเหลว เรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้น ไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกด้านลบที่เกิดจากความไม่สมหวังหรือพ่ายแพ้…แพ้ให้เป็น ล้มบ้างก็ได้ ท้อได้แต่ไม่ถอย ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลอย่างแน่นอน

          10. มีความทะเยอทะยานสูง ผู้ประกอบการต้องมีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้าในการทำธุรกิจมีความต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน หากไม่มีความต้องการพื้นฐานเหล่านี้ก็จะไม่มีพลังผลักดันให้ผู้ประกอบการลุกขึ้นมาดำเนินการหรือสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ จนบรรลุเป้าหมาย

          11. สนุกสนาน ร่าเริง หลักการง่าย ๆ ของความคิดสร้างสรรค์ คือ “การเล่น” การทำเรื่องเล่น ๆ เรื่องสนุกสนานให้กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง หรือกลายเป็นสิ่งใหม่ที่ทุกคนปรารถนา ใช้ความสุขเป็นตัวขับเคลื่อนการทำงาน สร้างสิ่งพิเศษได้อย่างไม่น่าเชื่อ สะท้อนสู่ผลงานที่ผู้บริโภคสามารถรับรู้ได้ถึงประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ

ขอบคุณแหล่งที่มา:   jobsDB.com

โดย :
 2261
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จักกับโดเมน(Domain name) และโฮสติ้ง(Hosting) คืออะไร เพราะเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ก่อนที่เราจะทำเว็บไซต์ หรือจะจ้างดูแลเว็บไซต์ เพื่อความเข้าใจตรงกัน และทำความเข้าใจขั้นตอนการทำงานของโดเมนและโฮสติ้ง ว่ามันทำงานร่วมกันอย่างไร
เมื่อเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงในการศึกษาเช่นกัน โดยจะเห็นได้ว่าปีที่ผ่าน ๆ มา สถาบันการศึกษาทั่วโลกต่างพากันลงทุนจำนวนมากกับเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างช่องทางให้ผู้เรียนเข้าถึงหลักสูตรต่าง ๆ มากขึ้น ดังนั้น แน่นอนว่าแนวโน้มการศึกษาในปี 2017 จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี "ประชาชาติธุรกิจ" จึงรวบรวมแนวโน้มการศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ไว้ดังนี้ เยสคอร์ส (YesCourse) ผู้สร้างแพลตฟอร์มการกระจายการศึกษาออนไลน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ให้สถาบันการศึกษาทั่วโลกได้ขายหลักสูตรการศึกษาออนไลน์ของตน โดยปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 3,500 สถาบันการศึกษาระบุว่า ในปีที่ผ่านมาการศึกษาออนไลน์ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการศึกษาอย่างมาก และเป็นตัวเสริมให้การศึกษาแบบดั้งเดิมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนจากทุกที่ แต่ในปี 2017 ระบบการเรียนออนไลน์แบบเสมือนจริง Virtual Reality (VR) จะกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น ซึ่งเราอาจได้เห็นและได้ยิน VR ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ มาแล้ว เช่น การบิน การทหาร และเกม แต่ในอนาคต VR จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา เพราะเป็นเครื่องมือที่จะสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ซึ่งทำให้ผู้ใช้เกิดการรับรู้และตื่นตัวในการเรียนรู้มากขึ้น แนวโน้มต่อมา คือ Cloud Migration หรือการเคลื่อนย้ายฐานข้อมูลต่าง ๆ สู่คลาวด์ ซึ่งสถาบันการศึกษานำข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงระบบไอทีของตนเองสู่ระบบคลาวด์มากขึ้นทุกวัน เพราะเป็นหน่วยจัดเก็บข้อมูลที่ลดความยุ่งยากในการติดตั้ง การดูแลระบบ ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายเอง ซึ่งผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบข้อมูลต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต จัดการบริหารทรัพยากรของระบบ และสามารถแบ่งทรัพยากรร่วมกันได้ง่าย อีกหนึ่งแนวโน้มที่ YesCourse พูดไว้ คือ การวิเคราะห์เชิงทำนาย (Predictive Analytics) และการเรียนเชิงทำนาย (Predictive Learning) ซึ่งในทุก ๆ ครั้งที่ผู้เรียนมีการโต้ตอบกับโปรแกรมการศึกษาออนไลน์ พวกเขาทิ้งรอยดิจิทัลไว้ (Digital Footprint) สิ่งนี้ทำให้สถานศึกษา และครูผู้สอนสามารถใช้ทำนายเพื่อเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้เรียน และสามารถปรับเปลี่ยนหลักสูตรได้ตรงตามความต้องการของผู้เรียนและเหมาะสม นอกจากนั้นยังเป็นข้อดีต่อการเตรียมความพร้อมของสถาบันการศึกษาในการพัฒนาบุคลากร เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง และแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันท่วงที ส่วนเว็บไซต์ Pathway to Financial Success บอกว่า แนวโน้มการศึกษาจะเข้าสู่ยุค The Internet of Things (IoT) เพราะอินเทอร์เน็ตเกี่ยวข้องกับทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์โฟน โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ แท็บเลต สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาเรียนรู้มากขึ้นทุกวัน โดยบริษัทการ์ตเนอร์ (Gartner Inc.) ทำนายว่า ในปี 2020 จะมีอุปกรณ์สิ่งของต่าง ๆ เชื่อมต่อกันไม่ต่ำกว่า 20.8 ล้านล้านชิ้นทั่วโลก ดังนั้น รัฐบาลแห่งประเทศอังกฤษจึงทุ่มงบฯลงทุนด้านการวิจัยและศึกษาด้าน IoT ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา สิ่งที่ผู้เรียนได้รับประโยชน์จาก IoT ได้แก่ ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน (Collaborative Learning), รู้จักการแก้ไขปัญหาโดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem-based Learning), กระตุ้นการเรียนรู้ด้วยตนเองและยั่งยืน (Self-directed Learning), ส่งเสริมเรียนรู้ผ่านพหุประสาทสัมผัส (Multisensory Learning), สร้างความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ (Gender Equality) และสร้างห้องเรียนอัจฉริยะ (Creating Smart Classroom) นอกจากนั้น Real-World Case Studies หรือกรณีศึกษาจากโลกแห่งความจริงจะเข้มข้นมากขึ้นในทุกวิชา เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวผู้เรียน และเห็นภาพได้ชัดเจนกว่าข้อมูลในตำรา กรณีศึกษาในโลกแห่งความจริงยังเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนต้องการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียน ในขณะที่ "บิล เกตส์" นักธุรกิจชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ และเป็นผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลวิเคราะห์ไว้ว่า ค่าใช้จ่ายการศึกษาจะน้อยลงและทุนการวิจัยจะมากขึ้น "เป็นที่รู้กันว่างานวิจัยเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนา และการต่อยอดการศึกษา แต่ที่ผ่านมานักวิจัยหลายคนต่างต้องวิ่งเต้นหาทุนวิจัย และหาการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา โดยผู้เรียนสามารถเรียนได้ฟรีจากระบบการศึกษาที่เรียกว่า MOOCs (Massive Online Open Courses) จึงส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเรียนน้อยลง ผู้เรียนสามารถมีทุนวิจัยของตนเอง" "ขณะเดียวกันสถาบันการศึกษาก็ไม่จำเป็นต้องจ้างผู้สอนจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน ไม่ต้องสร้างห้องเรียนหรืออาคารเรียน เพราะสามารถใช้เทคโนโลยีมาเป็
เครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายมีอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือการโฆษณาสินค้าผ่านสื่อต่างๆ ทั้งป้ายโฆษณา โทรทัศน์ หรือวิทยุ โดยในปัจจุบันธุรกิจส่วนใหญ่หันไปใช้สื่อออนไลน์กันมากขึ้น และ ยังมีราคาที่ถูกกว่าสื่อแบบเก่า เข้าถึงคนได้มากกว่า และวัดผลได้ชัดเจน (คุณคงเคยเล่น Facebook หรือกำลังดู Youtube และพบว่ามีโฆษณาแทรกระหว่างทาง) Banner โฆษณาจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยทำให้การโฆษณาเหล่านั้นประสบความสำเร็จ แล้ว Banner ที่นักการตลาดใช้ฆษณา หน้าตาควรเป็นอย่างไร และช่วยธุรกิจได้อย่างไรบ้าง วันนี้ Fastwork จะมาสรุปให้ฟังค่ะ

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์