โฆษณาออนไลน์แบบไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณ
เดี๋ยวนี้การคิดจะทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ธุรกิจของเราสักครั้งหนึ่งก็ต้องคำนึงถึงผลที่จะได้รับกลับมาที่ต้องคุ้มค่าและได้ผลตรงตามเป้าหมายของเรา ยิ่งถ้าหากเป็นธุรกิจขนาดเล็กแบบ SME ด้วยแล้วละก็ยิ่งมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณในการใช้เงินส่วนนี้แน่ๆ
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายๆ วิธี คงต้องมองที่ธุรกิจของเราเสียก่อนว่าเราต้องการอะไรจริงๆ เมื่อได้คำตอบแล้วจึงจะศึกษาข้อมูลและตัดสินใจที่จะลงทุนกับการลงโฆษณาด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับธุรกิจ มาดูกันว่ารูปแบบหรือวิธีการโฆษณาออนไลน์แบบไหนถึงจะเหมาะกับธุรกิจของเรา ซึ่งแต่ละวิธีต่างก็มีข้อดีในตัวเอง มีตัวอย่างอะไรบ้างลองมาดูกัน
1.Google AdWords
คือการโฆษณาบนเว็บไซต์ Google นั่นเอง ซึ่งหากเปรียบเทียบเป็นทำเลที่ตั้งของร้านค้าก็ถือว่าเป็นทำเลที่ดีที่สุดก็ว่าได้ เพราะจะอยู่บนหน้าแรกของเว็บไซต์ที่เป็น Search Engine ที่มีจำนวนที่มีผู้เข้าไปใช้มากที่สุด การลงโฆษณาด้วย Google Adwords จะทำให้ลูกค้าพบเจอกับเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น จะได้ลูกค้าที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเราจริงๆ เพราะเราสามารถที่จะกำหนดได้ทั้งคำที่ต้องการให้ค้นหา กำหนดขอบเขตของที่ตั้ง กำหนดช่วงเวลาได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถวางแผนในเรื่องของงบประมาณได้อย่างยืดหยุ่น วัดผลการลงโฆษณาออกมาเป็นสถิติ และยังสามารถปรับเปลี่ยนข้อความได้ การใช้วิธีนี้จะเป็นการเพิ่มยอดขายให้เราได้อย่างค่อนข้างเห็นผลชัดเจน แต่ก็ต้องแลกกับค่าเงินโฆษณาต่อคลิกด้วยเช่นกัน
2.SEO หรือ Search Engine Optimization
คือการทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏอยู่ในอันดับต้นในหน้าแรกของ search engine ต่างๆ โดยเฉพาะ Google จะส่งผลดีอย่างมากธุรกิจคือสร้าง Brand Visibility สำหรับการทำอันดับให้แบรนด์ถูกเห็นก่อนจึงเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ที่คนจะเลือกซื้อ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้า มีความน่าเชื่อถือจากอันดับที่ได้รับความนิยม เพิ่มลูกค้าได้จำนวนมาก ได้ลูกค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย และสามารถเพิ่มยอดขายได้ง่ายกว่า การทำ SEO ยังมีข้อได้เปรียบอีอย่างคือเหมือนการได้โฆษณาในตลอด 24 ชม. เพราะตราบใดที่เรายังทำอันดับให้อยู่ในตำแหน่งดีๆ ผลดีก็ยังจะอยู่ต่อไป
3.Google Display Network หรือ GDN
คือการทำโฆษณาเพื่อไปโปรโมทหรือปรากฏตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรของ Google เป็นได้ทั้งในรูปแบบ Banner ข้อความ คลิปโฆษณา ฯลฯ การทำโฆษณา GDN นั้นจะเพิ่มโอกาสให้มีการเข้าถึงสินค้าของเราได้มากยิ่งขึ้น โอกาสซื้อก็ย่อมมีมากตามไปด้วย และเป็นการสร้าง Brand Awareness ได้แบบรวดเร็ว มากไปกว่านั้นยังสามารถที่จะ Remarketing คือการกำหนดให้โฆษณานั้นๆ ไปแสดงเฉพาะผู้ที่เคยเข้ามาที่เว็บไซต์หรือคนที่เคยซื้อสินค้าจากเราได้ ซึ่งวิธีการนี้ถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับการที่ต้องเสียค่าโฆษณากระจายไปตามเว็บไซต์ต่างๆ วิธีนี้สามารถจัดการเพียงครั้งเดียวแต่สามารถกระจายออกไปได้เป็นล้านเว็บไซต์ ทั้งยังสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้นจากการที่สามารถเลือกประเภทเว็บไซต์ที่จะให้ไปปรากฏอีกด้วย
4.Youtube
เป็นการทำโฆษณา AdWords ในเว็บไซต์ youtube หรือเรียกว่าเป็นการทำ GDN ในรูปแบบโฆษณาวิดีโอ มี 2 แบบใหญ่ๆ ได้แก่ TrueView ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบย่อยคือโฆษณา TrueView ในสตรีมและ TrueView video discovery และ Bumper Ads ซึ่งการโฆษณาใน youtube นี้มีทั้งแบบวิดีโอความยาวมากกว่า 12 วินาทีแต่สามารถกดข้ามได้ และวิดีโอสั้นๆ มียาวไม่เกิน 6 วินาที ซึ่งทั้งสองแบบเหมาะสำหรับการสร้าง Brand Awareness เพื่อให้คนรู้จักแบรนด์และจำได้ในวงกว้างด้วยเวลาอันสั้น สามารถคลิกลิงก์ไปยังเว็บไซต์ได้ ที่น่าสนใจคือหลายคนมักต้องดูวิดีโอข้อมูลของสินค้าในยูทูปก่อนตัดสินใจซื้อ
5.Facebook Ads
คงต้องยอมรับว่าวันนี้เราคุ้นเคยกับ facebook กันเป็นอย่างดี และสามารถใช้เป็นช่องทางในการทำธุรกิจได้ดีอีกช่องทางหนึ่ง ใน facebook มีผู้นิยมทำเพจเพื่อขายสินค้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมองเห็นถึงผู้ซื้อจำนวนมากที่อยู่ในชุมชนนี้ แน่นอนย่อมมีการแข่งขันที่สูง การทำโฆษณาบน facebook จึงเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ หากต้องการเพิ่มยอดขายหรือทำโฆษณาบน facebook นั้นก็มีอยู่หลายวิธีทั้งการ Boots Post, Like Page/Boost Page และ Clicks to Website การใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง facebook ที่มีจำนวนผู้ใช้งานอยู่มากทำโฆษณาย่อมช่วยให้สามารถที่จะมีการเข้าถึงหรือ traffic ได้เป็นจำนวนมาก และส่งผลให้มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเรามากตามไปด้วยเช่นกัน เป็นการเพิ่มโอกาสในการขายให้มากยิ่งขึ้น และยิ่งเพจของเรามีผู้กดติดตามจำนวนมากเท่าใดก็จะยิ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความน่าเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น
6.Instagram Business
คนที่ชอบใช้ Instagram มักเป็นคนที่ชอบศิลปะเป็นทุนเดิม มองโลกในแง่มุมที่แตกต่างและสวยงาม Instagram เป็นแรงบันดาลใจอย่างดีสำหรับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นที่ที่มักเราค้นพบกลุ่มคนที่ชอบในสิ่งคล้ายๆ กัน เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์เกี่ยวข้องกับด้านแฟชั่น ความสวยความงาม เช่น รองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ฯลฯ การเลือกที่จะใช้โฆษณาด้วย Instagram Business มีข้อดีสำหรับผู้ใช้งานคือมีวิธีการซื้อโฆษณาที่สะดวกกว่าอย่างอื่นอยู่ไปน้อยเพราะสามารถจัดการได้ทั้งหมดผ่านโทรศัพท์มือถือ นอกจากนั้นในส่วนของโปรไฟล์ยังมีช่องทางที่จะสามารถติดต่อได้ง่ายและสะดวกขึ้น ด้วยปุ่มที่จะเชื่อมไปยังหน้าสมุดโทรศัพท์ อีเมล และแผนที่ของร้าน
ทั้งหมดที่นำมาเสนอเป็นเพียงบางส่วนที่น่าสนใจ และผู้ที่ทำธุรกิจแบบ SME สามารถที่จะเข้าใจและลองทำได้เอง หรือมองหาผู้ช่วยในการจัดการได้ไม่ยาก ยังมีอีกหลายหลายรูปแบบโฆษณาออนไลน์ที่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ อาจทำเพียงรูปแบบเดียวหรือหลายๆ แบบไปพร้อมๆ กัน ทั้งหมดคงต้องกลับมาที่การตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่าธุรกิจของคุณนั้นมีเป้าหมายอะไร หวังว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนและดำเนินการได้ด้วยความมั่นใจ
ขอบคุณแหล่งที่มา : SCB SME