Key Opinion Leader (KOL) มีบทบาทอย่างไรกับการทำโฆษณา?

Key Opinion Leader (KOL) มีบทบาทอย่างไรกับการทำโฆษณา?

         ในอดีตหากโฆษณาตัวไหนมีดาราดังหรือนักแสดงที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ใดก็ตาม สินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้นก็มักโด่งดังเป็นพลุแตกและมียอดขายถล่มทลาย แต่ปัจจุบันด้วยความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียการโฆษณาการตลาดออนไลน์ จึงทำให้ทุกคนสามารถมีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ดังๆ ได้เพียงแค่มีผู้ติดตามในโลกโซเชียลมีเดีย โดยทางการตลาดเรียกคนกลุ่มนี้ว่า Key Opinion Leader หรือ KOL

Key Opinion Leader (KOL) คืออะไร?

         Key Opinion Leader หรือ KOL คือ ผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิด ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทต่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันอย่างมาก เพราะมีทั้งผู้ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว และมีช่องทางให้ติดตามบนโลกออนไลน์ โดยมีอิทธิพลที่จะโน้มน้าวใจผู้ติดตาม ดังนั้น การทำการตลาดออนไลน์โดยใช้ KOL ช่วยโปรโมทหรือรีวิวสินค้าของเรา จะช่วยให้คนรู้จัก และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น


ข้อดีของ Key Opinion Leader (KOL)

1.เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Niche Market หรือตลาดเฉพาะกลุ่มได้

         เนื่องจาก KOL มีผู้ติดตามอยู่แล้ว และส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีความสนใจแบบเดียวกัน ดังนั้นถ้า KOL โปรโมทหรือรีวิวสินค้าใดๆ ที่ตรงความสนใจ สินค้านั้นก็จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าการโฆษณาแบบอื่น


2.เกิดการมีส่วนร่วมได้ง่าย

         การใช้ KOL ที่มีอิทธิพลในการโน้มน้าวผู้ติดตามอยู่แล้ว ส่งผลให้สินค้าหรือบริการที่ได้รับการรีวิวได้รับความสนใจจนเกิดการมีส่วนร่วม (Engagment) ได้ง่ายขึ้น เช่น การแชร์ต่อแล้วกระจายต่อเป็นวงกว้าง หรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ


3.ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์

         สำหรับ KOL ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือความสนใจเฉพาะด้าน การที่เราเลือกคนที่มีความสนใจตรงกับสินค้าและบริการของเรา ย่อมทำให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือขึ้น


4.ช่วยให้ธุรกิจอยู่เหนือกว่าคู่แข่ง

‍         ในกรณีที่สินค้าหรือบริการของคุณสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป การใช้ KOL มาช่วยโปรโมทหรือรีวิว ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าหรือบริการนั้นๆ ให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้แบรนด์ของคุณอยู่เหนือกว่าคู่แข่งที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการประเภทเดียวกันได้ไม่ยาก

แนวทางการตลาดกับ Key Opinion Leader (KOL)

1.เลือก KOL ที่มีความสนใจเกี่ยวข้องกับแบรนด์

         การเลือกคนที่มีความสนใจตรงกับแบรนด์ของเรา จะทำให้การรีวิวสินค้าหรือบริการของเราดูมีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น เหมือนคนที่ได้ลองใช้จริง และสามารถเข้าถึงผู้ติดตามได้เป็นอย่างดี

2.ไม่ปรับเปลี่ยนตัวตน KOL

         ไม่ควรกำหนดแนวทางการโปรโมทหรือแก้ไขคอนเทนต์ที่ไม่ใช่ตัวตนของ KOL นั้นๆ เช่น พูดอวยแบรนด์จนเกินไป เพราะจะดูไม่ธรรมชาติ ดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ

3.สร้างคอนเทนต์ร่วมกับ KOL

         ควรวางแผนสร้างคอนเทนต์ เพื่อให้คอนเทนต์ไปในทิศทางเดียวกันกับสไตล์ของ KOL และจะได้ทำให้สร้างสรรค์คอนเทนต์ออกมาได้อย่างเต็มที่และตรงตามจุดประสงค์ในการทำการตลาดของแบรนด์

Key Opinion Leader (KOL) ต่างกับ Influencer อย่างไร?

         Influencer เป็นผู้ที่มีอิทธิพลผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ บางครั้ง KOL ก็สามารถจัดเป็น Influencer ได้เช่นกัน เพราะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินค้าหรือใช้บริการของผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้ก็มีความแตกต่างกันดังนี้

         - KOL มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ขณะที่ Influencer มักเป็นผู้นำทางความคิดและไลฟ์สไตล์

         - KOL อาจจะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวใจมากกว่า เพราะผู้ติดตามรู้สึกยกย่อง ขณะที่ Influencer นั้น ผู้ติดตามจะชื่นชอบแนวคิด ไลฟ์สไตล์และการนำเสนอ

         - KOL อาจไม่ได้เป็นผู้ที่มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์โดยตรง แต่มีโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสาร ขณะที่ Influencer นั้นเป็นใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับผู้ติดตามโดยตรง

         
         การทำการตลาดด้วยกลยุทธ์ KOL นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญในการทำการตลาดด้วย KOL ให้ประสบความสำเร็จ คือ การเลือก KOL ที่มีผู้ติดตามที่เป็นกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ รวมถึงควรมีการออกแบบคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ มีความแปลกใหม่ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค เพราะหากมีคนเสิร์ชหาข้อมูลใน Google ด้วย Keyowrd อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์ แล้วมาเจอคอนเทนต์ที่สนองกับความต้องการ ก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าของคุณนั่นเอง

 

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : Wismarketing


โดย :
 2630
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การโพสขายของออนไลน์ นอกจากรูปภาพสินค้าต้องดูดีแล้ว คนส่วนใหญ่มักคิดว่า มีข้อดีอะไร สรรพคุณวิเศษวิโสอะไร ก็ต้องยัดใส่ลงไปให้หมด
การทำธุรกิจให้เห็นผลใน Google มีหลากหลายวิธี บางครั้งขึ้นหน้าเเรกใน Google แล้วแต่ไม่มีผลต่อเว็บไซต์เลย เรามีทริคดีๆ ที่ทำให้ธุรกิจถึงกลุ่มเป้าหมายมาเเนะนำค่ะ
Pay per click เป็นการ โฆษณา ผ่านทางตัวแทนเว็บ เพื่อทำการ โฆษณา เว็บของคุณ โดย ค่าใช้จ่าย จะคิดจากจำนวนคลิกเป็นหลัก หากไม่มีจำนวนของการคลิก ก็จะไม่เสียเงินค่าโฆษณาแต่อย่างใด แต่อาจจะมีแตกต่างไปบ้างตามแต่ข้อตกลงแต่ละค่าย เช่น อาจจะมีการคิดเพิ่มเติมในรูปแบบของ ePPM หรือ จำนวนการแสดงโฆษณาต่อการแสดงหนึ่งพันครั้ง ในปี 2550 กูเกิล ได้เสนอระบบใหม่ Pay-Per-Action[1] ซึ่งอยู่ในขั้นทดลอง โดยเปลี่ยนจากระบบการจ่ายเงินค่าโฆษณาตามจำนวนที่มีคนคลิกเข้าไปดู เป็นการจ่ายเงินตามการกระทำที่กำหนด เช่น ซื้อของอย่างน้อยหนึ่งชิ้น หรือเข้าดูหน้าใดหน้าหนึ่ง โฆษณา PPC นั้นคือการลงโฆษณาผ่าน search engine ต่างๆ เช่น Google, Yahoo, MSN ใน keywordที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ วิธีนี้จะคล้ายคลึงกับการทำ SEO (Search Engine Optimization)เพียงแต่เว็บของคุณจะปรากฏอยู่ทางขวามือในส่วนของโฆษณา(ในขณะที่ SEO จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ) โดยคุณจะเสียเงินค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณเท่านั้นหากแสดงเฉย ๆ จะไม่เสียเงินค่าโฆษณา

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์