เทรนด์มาแรงสุดในยุคนี้ หนีไม่พ้นการทำอี-คอมเมิร์ซ ที่ไม่ว่าจะธุรกิจเล็กหรือใหญ่ต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่นี้กันทั้งนั้น ซึ่งการจะอยู่ต่อให้รอดบนโลกที่ออนไลน์ครองเมืองแบบนี้ ต้องรู้ให้ทันเทรนด์ พร้อมเก็บและใช้ Data ให้เป็น
รู้ทันเทรนด์ ส่องทิศทางอี-คอมเมิร์ซ
Marketplace จะกลายเป็นช่องทางการขายที่เติบโตสูงสุดของวงการอี-คอมเมิร์ซ จากการแข่งขันกันอย่างดุเดือดของ Lazada, Shopee และ JD Central ทำให้ช่องทางการขายนี้เริ่มมีสัดส่วนทางการตลาดที่เติบโตขึ้น
แม้จะยังเติบโตอยู่ แต่การที่ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ว่าจะให้แพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน หรือผู้ให้บริการต่างๆ สามารถติดตามได้หรือไม่ ส่งผลให้การยิงโฆษณาของโซเชียลมีเดีย ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญเริ่มมีความแม่นยำน้อยลงนั่นเอง
แม้จะเป็นยุคที่อี-คอมเมิร์ซเฟื่องฟู แต่ต่อไปจะขายออนไลน์หรือออฟไลน์อย่างเดียวไม่ได้ เพราะต้องผสานทั้งสองช่องทางเข้าด้วยกัน โดยร้านค้าจะเริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็น Automation หรือระบบอัตโนมัติมากขึ้น เช่น การขายสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ (Vending Machine) ร้านค้าปราศจากแคชเชียร์แบบ Amazon Go และการสั่งงานด้วยเสียงผ่านอุปกรณ์ต่างๆ
เมื่อออนไลน์ทำให้ผู้ขายและลูกค้าเข้าใกล้กันมากขึ้น จึงเกิดเทรนด์ใหม่อย่าง D2C (Direct to Consumer) หรือการที่แบรนด์และโรงงานขายสินค้าไปยังลูกค้าโดยตรง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนให้ธุรกิจและทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มซื้อของต่อครั้งในปริมาณที่มากขึ้น ในขณะเดียวกันกลายเป็นความท้าทายของตัวกลางที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศหรือจากโรงงาน โดยเฉพาะคนที่นำเข้าสินค้าจากจีน
นับจากนี้ Data จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เรียกได้ว่า มีแค่กระดาษก็สามารถเก็บข้อมูลได้ เช่น จดบันทึกว่าช่วงเวลาไหนขายดี สินค้าไหนขายดีที่สุด ยอดขายแต่ละวันเป็นอย่างไร ลูกค้าเข้ามาในร้านค้ากี่คน ลูกค้าเป็นใคร อายุเท่าไหร่ ซึ่งการมีข้อมูลเหล่านี้ จะทำให้สามารถต่อยอดและวางกลยุทธ์ธุรกิจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น หรือถ้าไม่ใช้การจด เจ้าของธุรกิจสามารถเลือกใช้เครื่องมือดิจิทัลมาช่วยในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลก็ได้เช่นกัน
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : kasikornbank