คำศัพท์ที่ควรทราบในการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ google
การทำเว็บไซต์ให้ติด google หน้าแรกนั้นมีขั้นตอนดังนี้
1. เตรียมตัวให้พร้อม
เตรียมตัวคุณให้พร้อม และเตรียมเนื้อหาให้พร้อมเนื้อหาของเว็บไซต์สำคัญกว่าชื่อโดเมนเสียอีกถ้าหากคุณคิดชื่อโดเมนได้ แต่ไม่มีเนื้อหาคนเข้ามาก็จะรู้สึกแย่กับเว็บคุณ แล้วก็จะไม่กลับมาหาคุณอีกเลย! ทางที่ดีควรจะเผื่อเนื้อหาไว้ให้พร้อมซัก100 หน้าเป็นอย่างน้อยที่สำคัญๆ ก็อย่างเช่น About Us หรือ Company Profile, Contact Us, Privacy Policy, Terms of Agreement เป็นต้นและถ้าเป็นไปได้ต้องเป็นเนื้อหาที่หาที่ไหนไม่ได้ ตรงมาอ่านที่เว็บไซต์ของคุณเท่านั้น จะเยี่ยมมากๆการใส่ Title และใส่ keyword และ description ของเว็บไซต์เพื่อให้ search engineอ่านค่าไปแสดงในผลลัพธ์ของการค้นหาได้ง่ายๆ ค่ะ และติดอันดับเร็วโปรดใส่ title , keyword และ description ในทุกหน้าของเว็บไซต์ท่าน โดยแต่ละหน้า ห้ามมี title, keyword และ description ที่ซ้ำกัน
เด็ดขาด เพราะ google จะมองเป็นDuplicate Content
2. ชื่อโดเมน
ต้องเน้นให้ จำง่าย, พิมพ์ง่าย ยิ่งพยางค์น้อย หรือน้อยตัวอักษรได้เท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าจะให้ดีมี keyword สำคัญๆ ของคุณอยู่ในโดเมนด้วยยิ่งดี แต่บางคนก็คิดว่า ชื่อโดเมนที่มี keyword อยู่ด้วยนั้น "Out" ไม่ทันสมัย เชยระเบิดระเบ้อ นั่นก็ขึ้นอยู่กับความชอบเป็นการส่วนตัว อย่าง SEO-Thai นี่จะถือว่ายาวก็ได้ สั้นก็ได้อีกหรือชื่อที่ไม่มีความหมายอย่าง Google ใครจะคิดว่าจะดังเปรี้ยงปร้างขนาดทุกวันนี้นั่นขึ้นกับหลักง่ายๆที่ว่าของดีเสียอย่างใครๆ ก็อยากได้ เพราะฉะนั้น เตรียมเนื้อหาของคุณให้ดี เอาเวลาคิดชื่อโดเมนเก๋ไก๋ไปทำเนื้อหาดีกว่า
3. ออกแบบหน้าตาเว็บไซต์ให้ใช้ง่าย และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
ง่ายไว้ก่อน ดีที่สุด ! ดีทั้งกับ Spiders และดีทั้งผู้เข้าชม, ดีกับ Spiders จะทำให้คนค้นหาเว็บไซต์ของคุณได้ง่าย และทำให้มีคนเข้ามามาก และเมื่อเข้ามาแล้วเว็บไซต์ใช้งานง่าย ทำความเข้าใจง่าย เนื้อหาก็ดี โดเมนจำง่าย มีวิธีทดสอบสองวิธี
วิธีแรกให้ลองนึกไปถึงวันแรกๆ ที่คุณใช้คอมพิวเตอร์ เล่นอินเทอร์เนต ความรู้สึกในวันนั้น คุณคงจำได้ว่า มันเงอะๆ งะๆ ไปหมด ปุ่มไหนคืออะไร จะไปหน้าอื่นต้องทำอย่างไร รู้สึกว่ามันมีปุ่มอะไรต่างๆ เยอะแยะไปหมด เอาง่ายๆ Mouse ยังใช้ไม่คล่องเลย! จริงมั้ย? ลองนึกไปถึงวันนั้น แล้วดูเว็บของคุณอีกทีว่า ถ้าคุณในวันนั้นมาเข้าชมเว็บคุณ จะรู้สึกอย่างไร?
วิธีที่สองเป็นวิธีทดสอบโดยใช้อาสาสมัคร โดยคุณจะต้องหาคนที่ไม่เคยใช้เว็บของคุณเลย จะเป็นคนที่ใช้อินเทอร์เนตคล่องอยู่แล้วหรือจะเป็นมือใหม่หัด Serve Net ก็สุดแท้แต่ ขอให้มีเขายินดีมาเป็นตัวทดสอบเป็นใช้ได้ การทดสอบก็ง่ายๆ โดยการที่คุณตั้งโจทย์ให้ผู้ทดสอบทำอะไรซักอย่างเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณเช่นอาจจะให้ลองเลือกซื้อของหรือหาบทความที่มีอยู่ในเว็บและคุณนั่งดูอยู่ข้างหลังดูอย่างเดียวแนะนำใดๆ ทั้งสิ้น ดูว่าเขาใช้งานได้คล่องเหมือนคุณหรือเปล่า? ถ้าไม่เกิน 20 นาทีก็ถือว่าผ่านอีกอย่างก็คือต้องพยายามจัดเนื้อหาของหน้าแรกให้ตรงกับกลุ่มคำหรือข้อความในหัวข้อหลักของเว็บ มันจะมีความจำเป็นเมื่อ search engine ส่ง bot มาสำรวจเว็บของคุณมันจะได้รู้สึกว่าเว็บของคุณมีเนื้อหาไปในทำนองเดียวกับ meta-tag หรือ title จริงๆความเร็วอาจจะไม่ใช่ทุกอย่างการทำให้โหลดเร็วเข้าว่าเพียงอย่างเดียวก็อาจจะทำให้เว็บขาดความน่าสนใจไปมันอยู่ที่ว่าคุณจัดสรรหรือคัดเรื่องเด่นแค่ไหนเข้ามาลงหน้าแรก
4.ขนาดของข้อมูลในแต่ละหน้า (File Size)
ยิ่งเล็กยิ่งดีแต่กำลังพอดีจะดีที่สุดถ้าเนื้อหามีน้อยก็ควรใส่รูปภาพประกอบ ตกแต่งให้สวยงาม แต่ถ้าเนื้อหามีมาก ถ้าใส่ไว้ในหน้าเดียวอาจจะทำให้โหลดข้อมูลนานเกินไป ควรจะทำการแบ่งเป็นหน้าๆ ตั้งชื่อแต่ละหน้า ตามหัวข้อของหน้านั้นๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องขนาดของไฟล์มากจนเกินไป ควรจะแบ่งให้อ่านแล้วรู้เรื่อง ไม่ใช่แบ่งซอยยิบเกินไป หวังให้โหลดเร็วอย่างนั้น Search Engine ชอบแต่คนไม่ชอบ เข้ามาแล้วอาจจากไปลับก็ได้ ควรให้พอดีๆ
5. เนื้อหา
ทำเนื้อหาตาม Keyword ที่เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณ โดยการตั้ง Keyword เป็นตัวตั้ง ยกตัวอย่างเช่น เว็บของคุณขายต้นไม้ส่งในประเทศ คุณอาจจะเลือก"ไม้ประดับ" หรือ "ไม้มงคล" เป็น Keyword แล้วทำเนื้อหาตาม Keyword ที่เลือกไว้ แล้วคอย Update อย่างสม่ำเสมอ รับรองว่า"ไม้มงคล" หรือ "ไม้ประดับ" ของคุณจะออกดอกออกผลให้ได้ชื่นชมแน่ๆ
6. จำนวน Keyword และการจัดวางตำแหน่งในแต่ละหน้า
แน่นอนว่า ถ้าคุณอยากให้ Search Engine หาคุณพบด้วย Keyword คำไหน แต่ไม่มีคำนั้นๆ ในเว็บไซต์ของคุณเลย จะเป็นไปได้หรือ? และถ้ามีมากจนล้นเลยยิ่งแล้วใหญ่ (Spam) Search Engine เกลียดนัก ถือว่าดูถูกความสามารถกันอย่างร้ายแรง คุณต้องระวังให้จงหนักเลย ทางที่ดีควรจะมีไม่เกิน 5% ต่อจำนวนคำทั้งหมดในหน้านั้น (ไม่นับ Tag HTML) แต่ถ้าจำเป็นจะต้องมี Keyword คำนั้นๆ มากๆ เพราะเหตุการณ์บังคับ ก็ควรจะใช้มุขเดิมคือ แบ่งเป็นหลายๆ หน้า หรือหาเนื้อหาอื่นๆ มาเพิ่ม ลดทอนจำนวน Keyword นั้นลง
7. การเชื่อมโยงไปเว็บไซต์อื่นๆ
เชื่อมโยงถึงเว็บไซต์ใหญ่ๆ ด้วย Keyword ในหน้านั้นเป็นการอ้างอิงให้ผู้เข้าชมเชื่อถือ แถมยังอ้างให้ Search Engine รู้ด้วยว่าเราเป็นเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น (Ralate Link) เพราะเว็บไซต์ใหญ่ๆ นั้น Search Engine รู้จักดีอยู่แล้ว เมื่อเราอ้างถึงเว็บไซต์นั้นๆ Search Engine จะสร้างความสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของคุณ กับ Keyword ที่คุณ link ออกไป เปรียบเหมือนการแนะนำตัวกับ Search Engine เว็บไซต์ของเราอยู่หมวดหมู่ไหนนั่นเอง
8.โครงสร้างของการเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ของคุณ (Cross Links หรือ Link Structure)
cross links ก็คือ links การเชื่อมโยงข้อมูลภายใน website ของเรานั้นเอง ถ้าคุณทำเว็บไซต์เกี่ยวกับอาหาร คุณอาจจะต้องมีการเชื่อมโยงไปยัง หน้า แอปเปิ้ล หรือ ผักผลไม้อื่นๆ หรืออะไรก็ตามที่ชื่อพ้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณ ไม่จำเป็นจะต้องทำทุกหน้า แต่ถ้าคุณขยันและมีเวลาพอละก็ ผมแนะนำให้คุณทำ link ในคำทุกคำที่สามารถ link ได้ แต่ต้องไปหาหมวดหมู่หรือหน้าที่เกี่ยวข้องและที่สำคัญมากๆ ทุกหน้าควรมี link ไปหน้าแรกเสมอ ห้ามลืม เด็ดขาด!!!
9. ได้เวลาออนไลน์
ถ้าคุณมีทุนทรัพย์เพียงพอคุณควรเลือก Hosting ที่มี IP ให้สำหรับคุณคนเดียว ไม่ควรเลือกแบบ Virtual Host แต่ถ้าเบี้ยน้อยหอยน้อยเลือก Host ราคาถูกๆ แต่ไม่ค่อยล่ม ก็พอได้อยู่ เมื่อมี Hosting แล้ว เนื้อหาพร้อมแล้ว link sturcture ทำได้นวลเนียนดีแล้ว ก็ออนไลน์ออกสู่โลกกว้างได้เลยครับและขอให้จำไว้เลยว่าถ้าไม่พร้อมอย่าเพิ่งออนไลน์เด็ดขาดนอกเสียจากคุณไม่แคร์ และคุณมีวินัยเพียงพอที่จะเพิ่มเนื้อหาได้อย่างต่อเนื่องแต่ถึงอย่างไรก็ตามแนะนำให้คุณใจเย็นๆ รอให้พร้อมก่อนดีกว่าอยู่ดี
10. Submit
ได้เวลาของการโฆษณาแล้ว ขั้นตอนนีคือการเอาเว็บของคุณไป submit ตาม search engine ต่างๆ เท่านี้แหละอย่าไปคาดหวังว่าจะได้รับการจัดอันดับในเร็ววัน คอยตรวจสอบบ้างสัปดาห์ละครั้งก็พอ
11. ตรวจสอบและติดตามผล
ทำได้โดยการวิเคราะห์ log ครับ ไม่ต้องไปสนใจข้อมูล graphics ที่สวยงามแต่ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไร ทำนอง "สวยแต่รูป จูบไม่หอม" ไม่เอา logs file คือสิ่งที่เราต้องการ อย่าลืมดูว่า logs มีข้อมูล referer หรือเปล่า ถ้าไม่ก็ย้าย hosting ดีกว่า ถ้าคุณอ่าน Logs File ไม่เป็นแนะนำให้คุณจ้างโปรแกรมเมอร์มาจัดส่วนตรงนี้ให้คุณดีกว่า บอกความต้องการเขาไปว่า อยากให้เขียนโปรแกรมวิเคราะห์ Log File ให้แสดงผลออกมาในแบบคุณอ่านรู้เรื่องหรือหาๆ เอาใน internet ของฟรีดีด้วยยังมีอีกเยอะเพียงแต่คุณจะหามันเจอหรือเปล่าเท่านั้นเอง
12. เอาอกเอาใจ Spider ให้มากๆ เข้าไว้
ให้คุณคอยดูว่า มีแมงมุม (Spiders) มีล่าเหยื่อ (เนื้อหา) ของคุณไปติดหรือยัง? หมายความว่า Search Engine ส่ง Bot หรือ Spider เข้าไปเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของคุณไปหรือยังตรวจสอบง่ายๆด้วยการใช้คำสั่ง site : www.seo-thai.com โดยเปลี่ยนจาก seo-thai เป็นชื่อโดเมนของคุณเองเท่านี้คุณก็จะได้รู้ว่า แมงมุมฮุบเหยื่อยัง ถ้ายังต้องรีบมาตรวจแล้วว่าผิดกฏของ Search Engine บ้างหรือเปล่า? โครงสร้าง Link ดีหรือไม่อย่างไร มีเว็บอื่นสร้าง link มาหาคุณบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่มีเลย คุณก็ต้องหาพันธมิตรให้ได้ไม่งั้นเว็บของคุณก็จะกลายเป็นเว็บร้างแน่ๆ
13. จัดหมวดหมู่ให้เรียบร้อย เน้นเข้าใจง่าย ใช้ง่ายเป็นหลัก
พยายามจัดหมวดหมู่ของ keyword ให้เป็นเรื่องเดียวกับ topic ของมัน ไม่มีอะไรมาก
14. Links จากเว็บประเภทเดียวกัน
ในกรณีที่เว็บของคุณได้รับการ index บน www.dmoz.org แล้ว ให้คุณพยายามขอแลก link กับเว็บในหมวดหมู่เดียวกัน ถ้าเขาไม่ยอมรับแลกก็ไม่เป็นไรขอกับเว็บอื่นก็ได้ ใครก็ได้ที่ยอมรับการแลกกับเรา เน้นให้พยายามแลก link กะเว็บที่ค่อนข้างจะมีการ update อย่างต่อเนื่อง
15. เนื้อหาๆๆ
ควรจะมีหน้าที่มีเรื่องที่เด่นๆ ในแต่ละวัน โดยถ้าเป็นบทความยาวๆหน่อยจะดีมากอย่าพยายามลงในเรื่องที่มีคนสนใจน้อยหรือเรื่องที่มันกว้างเกินไป อันนี้คุณต้องกลับไปค้นหนังสือวิชาภาษาไทยเรื่องการเขียนเรียงความมาอ่านสักหน่อยก็จะดีเขียนให้อ่านง่ายๆ ไว้ก่อนสำนวนภาษาเป็นเรื่องเฉพาะตัวแต่ก็ฝึกกันได้ขอให้เขียนทุกวันเป็นใช้ได้ เมื่อครบปีแล้วคุณลองกลับมาอ่านบทความแรกๆ ที่คุณเขียนคุณจะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทีเดียว
16. ลูกเล่น ต่างๆ
พยายามหลีกเลี่ยงลูกเล่นแปลกๆ ที่อาจจะสร้างความ สนุกให้ท่าน แต่นั่นอาจจะสร้างความรำคาญให้แก่คนที่เข้ามาชมก็เป็นได้ พยายามให้มันดูกลางๆ ไม่จืดหรือหวือหวาจนน่ารำคาญ
17. Link จากเว็บพันธมิตร
ข้อนี้จะต่างจากข้อ N ตรงที่อาจจะเป็น Link ที่ไม่ได้มาจากเว็บในประเภทเดียวกัน แล้วจำเป็นที่จะต้อง Link กลับไปหาเว็บนั้นๆ ด้วย เรียกง่ายๆ ว่า "การขอแลก Link" นั่นเองอันนี้ผมแนะนำว่าคุณจำเป็นต้องเลือกสักหน่อย อย่า Linkไปสะเปะสะปะ เพราะถ้า link ปลายทางเป็น เว็บโป๊ ละก็ ภาพลักษณ์ของเว็บของคุณก็จะถูกมองเป็นเว็บแนวๆ นั้นทันที เสียทั้งหน้าตา และ Search Engine ก็จะงงกับเว็บคุณอีกด้วย
18. บริการเสริม
เพิ่มบริการเสริมที่จำเป็นอย่างเช่น"ส่งเว็บนี้ให้เพื่อน"กระดานสนทนา หรือจดหมายข่าวเป็นต้น เท่านี้ก็แทบจะเพียงพอแล้วอย่าเพิ่มลูกเล่นอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น เพราะนั่นอาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการจ้างทำเว็บของคุณสูงจนเกินจำเป็นแถมยังเปล่าประโยชน์อีกด้วย
19. อย่ายัดเยียดโฆษณา!
ถ้าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ขายสินค้าขอให้ระมัดระวังเรื่องการโฆษณาสักหน่อย อย่ายัดเยียดจนดูน่าเกลียดต้องทำให้ดู แนบเนียนประมาณว่า ผู้เข้าชมได้รับชมโฆษณาไปโดยไม่รู้ตัวอย่างนั้นได้ยิ่งดีโปรดระลึกไว้เสมอว่าผู้ชมเข้าเว็บของคุณเพราะต้องการเนื้อหาหรือสินค้าที่ต้องการ ไม่ใช่ "โฆษณา"
20. เพิ่มเนื้อหา หรือ สินค้า บ่อยๆ และสม่ำเสมอ
ควรเพิ่มเนื้อหาหรือบทความอย่างสม่ำเสมอ สิ่งนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำเว็บไซต์เลยทีเดียว
21. เรียนรู้เรื่อง Logs
หลังจากเปิดดำเนินการได้ 30-60 วันก็ได้เวลาที่จะต้องทำตัวเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลกันแล้วข้อมูลที่จะนำมาวิเคราะห์ก็ควรจะนำมาจาก Log Files นั่นเองคุณควรจะคอยดูว่าผู้เข้าชมใช้ Keyword คำไหนเข้ามาสู่เว็บคุณ อาจจะเป็นคำที่คุณไม่ได้เตรียมไว้ (Optimize) ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณควรจะ Optimize เพิ่ม ยกตัวอย่างเช่นผู้เข้าชมมักจะใช้คำว่า "orange citrus fruit" แต่ว่าคุณเตรียมเนื้อหาไว้สำหรับคำว่า "oranges" ฉะนั้นคุณควรจะเตรียมเนื้อหาสำหรับคำว่า "citrus" และ "fruit" แล้วก็ทำ Cross Links ถึงกัน
22. การกะระยะเวลา
เมื่อทำให้เว็บไซต์ได้รับความนิยมแล้วไม่ได้ทำให้คุณหมดหน้าที่ไปเพราะคุณยังคงต้องเฝ้าประคบประหงม เว็บของคุณให้ติดอันดับต่อไปอีก เหมือนขี่หลังเสือไม่อาจจะลงได้ การะวิเคราะความเป็นไปก็ยังค้องต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง อย่าลืมนะว่ากว่าที่ keywordของคุณจะไปประกฎใน search engine อาจจะใช้เวลานานถึง 3 เดือน เช่นถ้าคุณต้องการให้ผลิตภัณฑ์ของ คุณปรากฏอยู่ใน search engine ในตอนต้นปีคุณอาจจะต้องทำ web ให้เสร็จก่อนหน้านั้นถึง 3 เดือนเป็นอย่างน้อย
23. เพื่อนและพันธมิตร
ในโลกความเป็นจริงคุณต้องมีเพื่อนหรือทำความรู้จักผู้คนในโลกอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน คุณควรจะทำความรู้จักผู้คน โดยการเข้าที่กระดานสนทนา หรือ กระดานข่าวในเรื่องที่คุณสนใจ แต่ว่ากระดานสนทนาเกี่ยวกับ SEO ในบ้านเรายังไม่เห็นมี คุณต้องหากระดานสนทนาของประเทศเช่น http://www.searchengineworld.com เป็น และเมื่อคุณเข้าไปแล้ว ก็ใช่ว่าควรจะอ่านอย่างเดียว คุณควรจะสมัครสมาชิก รับจดหมายข่าว แสดงความเห็นหรือสอบถามบ้าง อย่าลืมว่ากระดานข่าวไม่ใช่แค่เข้าไปแล้ว อ่านๆ อย่างเดียว แต่กระดานข่าวตอบคำถามคุณได้
24.อย่าลืมจดบันทึกไอเดียเด็ดของคุณ
หากคุณเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ ทุกวันนั่นอาจจะทำให้คุณต้องใช้สมองจนเครียดพอสมควรทีเดียว เพราะฉะนั้นบางครั้งคุณอาจจะคลายเครียดโดยการเปลี่ยนกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ เช่นออกไปเดินเล่น อาบน้ำ แต่เมื่อหลังจากการคลายเครียดแล้วบางครั้งรายละเอียดที่คุณพยายามคิดมาตั้งนาน ก็พลันหายไปพร้อมกับความเครียด!! แนะนำว่า คุณควรจะจดบันทึกไอเดียของคุณเอาไว้
ทุกครั้งที่นึกออก หรือก่อนจะออกไปพัก หรือถ้าคุณมีเครื่องบันทึกเสียงก็ยิ่งดี มันจะช่วยคุณได้ในกรณีที่ไอเดียของคุณหลั่งไหลออกมาจนคุณจดตามไม่ทัน คุณอาจจะพูดๆๆใส่เครื่องบันทึกเสียงแล้วค่อยกรอกลับมาฟังใหม่ รับรองไอเดียเด็ดของคุณจะไม่สูญหายไป
25. ตรวจสอบผลการ Submission เมื่อผ่านไปได้ 6 เดือน
กลับไปดูว่าผลการ Submission กับ Search Engine ต่างๆ หรือ Directory ต่างๆ อย่างเช่น ODP นั้น Index เว็บไซต์ของคุณให้หรือยัง? ถ้ายังคุณต้อง ReSubmit ไปอีกครั้ง คราวนี้จะมีโอกาสเพิ่มขึ้น เพราะคุณมีเนื้อหาหรือสินค้ามากกว่าเดิม 180 หน้าแล้ว
26. พยายามสร้างเนื้อหาที่ Search Engine ชอบ ทุกๆ วัน
เนื้อหาที่ Search Engine ชอบเป็นอย่างไร? อธิบายง่ายๆ ก็คือเนื้อหาที่มีการคัดกรองมาอย่างดีมีบทนำ มีเนื้อห มีบทสรุปเน้นในสิ่งที่ควรเน้น มีจำนวนคำต่อหน้าที่พอเหมาะ มีการอ้างอิงถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ได้รับความนิยม (มีจำนวน Link มาหามาก) ไม่ทำผิดกฏของ Search Engine ไม่ใช้ลูกเล่นหรือ HTML ที่ซับซ้อนจนเกินกว่าที่ Search Engine จะเข้าใจได้ (Search Engine ไม่ฉลาดเท่า Browser)
จะว่ายากก็ไม่น่ายากเท่าไหร่นักที่จะทำให้ได้ครบทุกข้อแต่ถ้าคุณคิดเนื้อหาไป แล้วก็ Optimize ไปด้วย รับรองว่ายากแน่ๆ คุณควรจะคิดเนื้อหาให้ครบถ้วนก่อนจากนั้นให้ทำเว็บไซต์ด้วย HTML Code ง่ายๆ ก่อน แล้วจึง Optimize เป็นอันดับสุดท้ายถ้าคุณทำได้ครบสิ้นปีคุณจะมีจำนวนหน้าที่คุณภาพคับแก้ว เกือบ 400 หน้าทีเดียว!
ขั้นตอนทั้งหมด 26 ขั้นตอนนี้ถ้าทำตามทั้งหมดแล้วรับรองว่าคุณจะเพิ่มยอดผู้เข้าชมให้คุณได้แน่นอน อยู่ที่ว่าคุณจะทำเต็มที่แค่ไหน? ตั้งใจอย่างต่อเนื่องแค่ไหน? อย่างน้อยๆก็ 500 - 2000 คนต่อวันและหากคุณเพิ่มเนื้อหาดีๆ วันละ 4-5 บทความหรือถ้าเว็บของคุณขายสินค้าคุณก็ควรจะมีรายละเอียดสินค้าแบบละเอียดในทุกๆ สินค้าที่คุณขายบนเว็บของคุณ นั่นอาจจะทำให้ยอดผู้เข้าชมพุ่งไปถึง 15000 คนต่อวันก็เป็นได้ขอให้คุณโชคดีและมีความสุขกับการพัฒนาเว็บไซต์ของคุณ
Credit : www.Tpa.or.th
By : www.SoGoodWeb.com