เลือก INFLUENCER อย่างไรให้เวิร์คกับธุรกิจ

เลือก INFLUENCER อย่างไรให้เวิร์คกับธุรกิจ

ในปัจจุบันนี้เราต่างรู้จักและเข้าใจในส่วนการทำงานของ Influencer มากขึ้น แต่การเลือกว่า Influencer คนใดนั้นที่จะเข้ากับธุรกิจของเราหรือแคมเปญที่เรากำลังจะจัดสร้างขึ้น เพราะการเลือก Influencer นั้นจะส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ของเรา เพราะเหล่าผู้ที่ติดตาม Influencer นั้นก็จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์เรานั้นเป็นที่รู้จักต่อไปในกลุ่มผู้บริโภคนั่นเอง

หลายธุรกิจอาจยังคิดไม่ตกว่าควรเลือกใคร หรือความเหมาะสมแบบใดที่จะทำให้เหมาะสมมากที่สุด บทความต่อไปนี้จะช่วยเพิ่มความคิด และเป็นเหตุผลในการตัดสินใจเลือกใช้ Influencer ได้ง่ายขึ้น

ใช้ Influencer เหล่านี้เพื่อทำอะไร?

เพราะถึงแม้ว่า Influencer จะมีการบ่งบอกหน้าที่ชัดเจนอยู่แล้ว หลายแคมเปญก็ยังให้คำตอบเกี่ยวกับหน้าที่ของ Influencer โดยชัดเจนไม่ได้ว่าต้องการให้กลุ่มคนเหล่านี้นั้นทำอะไร โดยหน้าที่ที่เห็นอย่างชัดเจนคือ การสร้าง Awareness ให้กับคนอื่นๆ หรือเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและการโน้มน้าวใจ เชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ซึ่งถ้าหากอยากให้ชัดเจนทั้งเจ้าของธุรกิจและการสื่อสารต่อ Influencer ควรระบุกันให้ชัดเจนว่าเขานั้นมีหน้าที่อะไร เช่น Presenter / Endorser / Broadcaster และพิจารณาว่าเหมาะสมกับสิ่งที่เขาได้รับ บทบาทที่เขาได้รับหรือไม่ นอกจากนี้แล้ว ในหนึ่งแคมเปญไม่ได้จำเป็นจะต้องเอาคนประเภทเดียวกันมาใช้หมดก็ได้ นักวางแผนที่ดีจะสามารถมองเห็น Message Journey ได้ว่าสารต่างๆ นั้นจะถูกส่งต่อและสร้างผลลัพธ์กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร

คนเหล่านี้มีคุณสมบัติอย่างไรในการเป็น Influencer

อาจเริ่มจากการมองหาจุดเด่น และข้อดีของ Influencer เหล่านั้น มีจุดเด่นอย่างไร มีความเชี่ยวชาญมในสิ่งที่เราต้องการหรือไม่ อีกทั้งบทบาทและตัวตนของเขากับสินค้าและผลิตภัณฑ์ของเรานั้นมีความสอดคล้องหรือเกี่ยวข้องกันอย่างไร ผู้ที่ติดตามและแฟนคลับของเขาเหล่า Influencer จะเชื่อถือและอินไปกับเขาหรือไม่ เพราะบทบาทและคุณสมบัติของ Influencer นั้นมีความสำคัญมากพอสมควร เพราะเป็นเรื่องของบริบทความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผู้ติดตาม ซึ่งบริบทนี้เองจะเป็นตัวกำหนดให้เห็นว่าคนๆ นี้มีอิทธิพลหรือสามารถสร้างการโน้มน้าวได้มากแค่ไหนกับเรื่องอะไร

ความสัมพันธ์ของ Influencer และกลุ่มผู้ติดตาม

เพราะ Influencer นั้นไม่ได้มีอิทธิพลในทุกๆ เรื่อง ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีแฟนคลับ และผู้ติดตามที่มากพอสมควรเหล่า Influencer ก็อาจจะมีอิทธิพลเพียงแค่บางเรื่องเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องความสัมพันธ์นี้เองก็เป็นสิ่งที่ต้องดูกันให้ดี เพราะความสัมพันธ์ของ Influencer กับคนติดตามนั้นมีหลายแบบ เช่นคลั่งไคล้ ติดตามข่าวสาร ต้องการเรียนรู้ ฯลฯ ซึ่งนี่เป็นการบ้านที่คนวางแผนต้องดูให้ออก วิเคราะห์ให้เป็น ตลอดไปจนถึงมองให้ออกว่าคนที่ตาม Influencer เหล่านี้คือใคร น่าจะเป็นคนแบบไหน ฯลฯ

จำเป็นหรือไม่ที่ต้องใช้ Influencer

เพราะเราอาจจำเป็นต้องถามถึงว่า การใช้ Influencer นั้นมีความจำเป็นกับธุรกิจของเรามากหรือน้อยเพียงใด บางครั้งอาจไม่จำเป็นและอาจมีวิธีการอื่นเพื่อทดแทนได้ มิหนำซ้ำอาจได้ผลดีกว่าช่องทางนี้อีกด้วย เช่นถ้าคุณต้องการ Awareness นั้น การทำคอนเทนต์ดีๆ สักชิ้นแล้ว Boost Post อาจจะเวิร์คกว่าให้ Influencer โพสต์ก็ได้

**แถม Checklist ง่ายๆ ถ้าอยากเอาไว้พิจารณา Influencer

  • ฐาน Network ของคนๆ นี้ (ในแต่ละช่องทาง)
  • Topic ที่คนๆ นี้ได้รับการยอมรับ / ถูกติดตาม (ในแต่ละช่องทาง)
  • ลักษณะคอนเทนต์ที่คนๆ นี้พูดแล้วมีประสิทธิภาพ
  • คุณภาพของคนที่ติดตาม (คนที่ตามหรือเห็นคอนเทนต์มีปฏิสัมพันธ์มากน้อยแค่ไหน)
  • คุณภาพของช่องทาง (เช่น Facebook อาจจะมีคนตามเยอะ แต่จริงๆ เป็นไลค์ปลอม)
  • พฤติกรรมของคนติดตามในแต่ละช่องทาง (เช่นคนอาจจะตามบน Twitter เยอะ แต่แทบไม่มีคนอ่านบล็อก)
  • ชื่อเสียง / ประวัติที่เกี่ยวข้อง (เช่นเคยรับงานอะไรมาก่อน เคยมีคดีอะไรไหม)

 

 

 

ที่มา : nuttaputch

โดย :
 1295
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

Facebook LIVE คือ การสร้าง “โพสต์” ประเภทหนึ่ง ที่ผู้ใช้งานสามารถถ่ายทอดวิดีโอแบบเรียลไทม์ (Real Time) ซึ่งสามารถทำได้ทั้งบนบัญชีส่วนตัวและบนเพจ โดยผู้ใช้งานคนอื่นๆ สามารถเข้ามาดู คอมเมนต์ กดไลก์ กดแชร์ การถ่ายทอดสดได้พร้อมกัน ไม่ว่าคนคนนั้นจะติดตามเพจหรือไม่ก็ตาม
Pay per click เป็นการ โฆษณา ผ่านทางตัวแทนเว็บ เพื่อทำการ โฆษณา เว็บของคุณ โดย ค่าใช้จ่าย จะคิดจากจำนวนคลิกเป็นหลัก หากไม่มีจำนวนของการคลิก ก็จะไม่เสียเงินค่าโฆษณาแต่อย่างใด แต่อาจจะมีแตกต่างไปบ้างตามแต่ข้อตกลงแต่ละค่าย เช่น อาจจะมีการคิดเพิ่มเติมในรูปแบบของ ePPM หรือ จำนวนการแสดงโฆษณาต่อการแสดงหนึ่งพันครั้ง ในปี 2550 กูเกิล ได้เสนอระบบใหม่ Pay-Per-Action[1] ซึ่งอยู่ในขั้นทดลอง โดยเปลี่ยนจากระบบการจ่ายเงินค่าโฆษณาตามจำนวนที่มีคนคลิกเข้าไปดู เป็นการจ่ายเงินตามการกระทำที่กำหนด เช่น ซื้อของอย่างน้อยหนึ่งชิ้น หรือเข้าดูหน้าใดหน้าหนึ่ง โฆษณา PPC นั้นคือการลงโฆษณาผ่าน search engine ต่างๆ เช่น Google, Yahoo, MSN ใน keywordที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ วิธีนี้จะคล้ายคลึงกับการทำ SEO (Search Engine Optimization)เพียงแต่เว็บของคุณจะปรากฏอยู่ทางขวามือในส่วนของโฆษณา(ในขณะที่ SEO จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ) โดยคุณจะเสียเงินค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณเท่านั้นหากแสดงเฉย ๆ จะไม่เสียเงินค่าโฆษณา
ยอมรับจริงๆ ว่าในขณะนี้ ใครๆ ก็เป็นแม่ค้า พ่อค้า ออนไลน์ ทาง Facebook กันทั้งนั้น แค่สมัคร User ไม่ถึง5นาที ก็สามารถเปิดร้านขายของได้ง่ายๆโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท แต่ทุกคนจะรู้หรือไม่? ว่ามี Facebook Page อย่างเดียวไม่พอ เราต้องมี Website

Feature SoGoodWeb

SoGoodWeb มีระบบรับชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Pay Solution รองรับทุกธนาคารชั้นนำ ทำให้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวก
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง
เหมาะสำหรับลูกค้าที่เปิดธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเจ้าของเอง หรือเป็นรายย่อย เป็นระบบจองทัวร์ ที่ช่วยทำให้การจัดการธุรกิจทัวร์ - ทัวร์ท่องเที่ยว ให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์