หากเอ่ยถึงคำว่า “ป่าล้อมเมือง” ในอดีตเมื่อสักประมาณ 30 กว่าปีที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายคนคงนึกไปถึงยุทธศาสตร์ของ
พรรคคอมมิวนิสต์ในการ ทำสงครามอย่างแน่นอน แต่ปัจจุบันนักการตลาดระดับหัวกะทิได้สังเกตและนำเอาแนวทางยุทธศาสตร์
ดังกล่าวนี้มาทดลองปรับใช้ในโลกธุรกิจ ซึ่งผลที่ออกมาก็นับว่าประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก จนทำให้
ป่าล้อมเมืองกลายเป็นคำจำกัดความของกลยุทธ์ทางด้านการตลาดแทนที่ ยุทธศาสตร์สงครามแบบในอดีตไปโดยปริยาย
แต่ก่อนอื่นต้องขออธิบายสั้นๆ แต่ได้ใจความเพื่อให้ผู้ประกอบการทุกท่านเข้าใจและเห็นภาพตรงกันก่อนว่า กลยุทธ์
ป่าล้อมเมืองเป็นการทำการตลาดในรูปแบบหนึ่งที่ใช้ระบบของการทำตลาด จากนอกเขตพื้นที่ธุรกิจหลักเข้ามาสู่ศูนย์กลางภายใน หรือพูดง่ายๆ ก็คือการทำตลาดจากพื้นที่ต่างจังหวัดเข้ามาสู่ภายในตัวเมืองหลวงหรือพื้นที่ เขตเศรษฐกิจ โดยมีเครื่องมือทาง
การตลาดไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา ปริมาณ โปรโมชั่น ฯลฯ ที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้บริโภคมากกว่าที่จะได้กับกลุ่มธุรกิจ ซึ่งประโยชน์และจุดเด่นของกลยุทธ์ป่าล้อมเมืองที่น่าสนใจหลักๆ มีดังนี้
การหลีกเลี่ยงคู่ต่อสู้รายใหญ่เป็นคุณประโยชน์หลักที่เห็นได้ชัดเจนมาก สำหรับกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง ต้องเข้าใจว่าหากผลิตภัณฑ์หรือบริการของผู้ประกอบการไม่ได้เป็นธุรกิจที่ เพิ่งเกิดขึ้นใหม่จริงๆ การที่จะลงไปแข่งขันในระบบตลาดเปิดจะถือเป็นเรื่องที่หินมากพอสมควร เพราะจะมีเจ้าของตลาดรายเดิมยืนเป็นเจ้าของพื้นที่และยึดครองส่วนแบ่งทางการ ตลาดอยู่ก่อนแล้ว การที่จะเข้าไปแย่งชิงฐานผู้บริโภคจากพวกเขาจึงแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ ได้เลย กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองจึงเหมาะสมสำหรับ
ผู้ประกอบการที่อยากจะหลีกเลี่ยงการถูก บดขยี้โดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริง
เพราะตรรกะพื้นฐานความต้องการของมนุษย์ที่ว่า ก่อนเราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เรามักจะเริ่มต้นจากสิ่งที่เล็กๆ ขึ้นไปหา
สิ่งที่ใหญ่กว่าเสมอ เช่นเดียวกับการเริ่มต้นทำธุรกิจที่เรามักมองหาลูกค้าที่เป็นกลุ่มเล็กๆ ก่อนเพราะเชื่อว่ามีโอกาสที่ประสบความสำเร็จมากกว่าไปจับตลาดบนซึ่งมีการ แข่งกันสูง มิหนำซ้ำยังต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการอัดฉีดการตลาดอีกด้วย
ป่าล้อมเมืองจึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กแบบ SME ที่เพิ่งจะเริ่มต้นทำกิจการ
การที่ผู้ประกอบการเลือกทำตลาดพร้อมทั้งขายสินค้าในเขตชานเมืองหรือต่าง จังหวัดตามรูปแบบของกลยุทธ์ป่่าล้อมเมืองมีข้อดีที่เห็นได้เด่นชัดอีกหนึ่ง ประการคือ สามารถประหยัดงบประมาณได้อย่างมหาศาล อันสืบเนื่องมาจากการมีปัจจัยต้นทุนที่
ต่ำกว่านั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของงบการตลาด ค่าขนส่ง ค่าแรงงาน ค่าเช่าพื้นที่ ฯลฯ เป็นต้น เมื่อต้นทุนถูกกว่าจึงมี
ความได้เปรียบคู่แข่งอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ในเขตเมืองจะขึ้นชื่อว่ามีผู้บริโภคอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น แต่นั่นเป็นเพียงแค่อัตราการกระจายตัวของประชากรไม่ใช่จำนวนคนที่อาศัยอยู่ อย่างแท้จริง ผู้ประกอบการห้ามหลงในประเด็นนี้เป็นอันขาด เพราะถ้าให้เทียบกันตรงๆ คนที่อยู่ต่างจังหวัดย่อมมีมากกว่าในกรุงเทพมหานครแน่นอน และการตลาดแบบป่าล้อมเมืองก็มุ่งที่จะจับเอาผู้บริโภคที่อยู่ในต่างจังหวัด เป็นหลักอยู่แล้ว ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าการตลาดในรูปแบบอื่นๆ
ด้วยความที่การตลาดแบบป่าล้อมเมืองสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้เป็นจำนวน มาก จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างแบรนด์อิมเมจได้อย่างรวดเร็วอันมาจากแรง สนับสนุนจากผู้บริโภคเป็นผู้ผลักดัน ซึ่งเมื่อแบรนด์อิมเมจขยายตัวกำลังซื้อก็จะ
เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และนั่นหมายถึงผลกำไรที่อยู่ในแดนบวกนั่นเอง
ความที่การตลาดแบบป่าล้อมเมืองมุ่งเน้นจะทำธุรกิจกับผู้บริโภคที่อยู่ ต่างจังหวัดเป็นหลัก ซึ่งต้องยอมรับกันตามตรงว่า
ผู้บริโภคกลุ่มนี้จะไม่ค่อยได้รับความสนใจจาก ธุรกิจยักษ์ใหญ่เป็นจำนวนมากที่มักเลือกกลยุทธ์การตลาดในรูปแบบอื่นๆ ที่สนองความต้องการของสังคมเมืองมากกว่า ด้วยเหตุนี้เองหากผู้ประกอบการเดินเข้าไปหาและให้ความสำคัญแบบจริงใจกับผู้ บริโภคกลุ่มนี้ พวกเขาก็จะมีปฏิกริยาในทางที่ดีและตอบสนองต่อสินค้าและบริการที่ผู้ประกอบ การขายในทันที จึงทำให้ธุรกิจของผู้ประกอบการกลายเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในทรรศนะของผู้ บริโภคกลุ่มนี้
การที่ธุรกิจส่วนใหญ่มุ่งเน้นใช้เทคนิคและกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมือนๆ กันมักจะก่อให้เกิดข้อเสียตรงที่ทำให้กลุ่มผู้บริโภคจำนวนหนึ่งถูกมองข้าม และละเลยไปอยู่เสมอๆ ซึ่งนั่นจะทำให้ธุรกิจโดยทั่วไปเกิดจุดอ่อนที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกันในแทบ
ทุกบริษัท การทำตลาดแบบป่าล้อมเมืองจึงเป็นการเข้าโจมตีในจุดอ่อนที่บริษัทคู่แข่งมี เป็นการนำเอาความแตกต่างเข้าโจมตี
ความเหมือนที่กลาดเกลื่อน ดังนั้นกลยุทธ์ป่าล้อมเมืองการตลาดแบบภูธรนี้จึงถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ มากสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเอกลักษณ์อันโดดเด่นสำหรับการทำธุรกิจ
Credit : incquity
By : www.SoGoodWeb.com